ออกสตาร์ทฤดูกาลมาได้ 2-3 นัด บิ๊กแมทจริงๆของพรีเมียร์ลีก อังกฤษก็ได้ผ่านพ้นไปเรียบร้อยหนึ่งแมทด้วยกัน ซึ่งเป็นการพบกันระหว่างทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ และทีมจากลอนดอน แมนฯยูไนเต็ด – เชลซี นั่นเอง โดยผลการแข่งขันก็เป็นไปอย่างที่หลายคนคาดการณ์เอาไว้ คือจบลงที่ผลเสมอ หาผู้ชนะไม่ได้ ที่สำคัญผลเสมอนี่น่าจะเป็นผลเสมอที่บรรดากองเชียร์เดอะค็อปชื่นอกชื่นใจเป็นที่สุด เพราะเท่ากับว่าสองทีมใหญ่ๆนั้นไปตัดแต้มกันเอง ทำให้ทีมลิเวอร์พูลของเขายังคงอยู่ในร่องในลอยของการเป็นทีมหัวตารางต่อไป
ซึ่งถ้าไม่นับจำนวนนัดที่ผ่านพ้นไปเพียงน้อยนิด ผมว่าฤดูกาลนี้ดูอะไรๆจะเป็นใจให้ทีมหงส์แดง มากกว่าหลายๆฤดูกาลที่ผ่านมา ทั้งผลการแข่งขันของทีมตนเอง และผลการแข่งของคู่แข่ง (ก็ไม่รู้ว่าด่วนตัดสินเกินไปหรือเปล่าครับ) ในฤดูกาลที่แล้วอย่าว่าแต่ผลการแข่งขันของคู่แข่งเลย ผลการแข่งขันของทีมตัวเองทั้งๆที่เล่นดีมากๆยังกลับไม่เป็นใจ ไม่ออกมาในแบบที่มันควรจะเป็นเลย คือเล่นดีแต่ไม่มีแต้ม ว่าอย่างนั้นเลยครับสำหรับทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล แต่พอมาเปรียบเทียบกันกับฤดูกาลนี้ ก็อย่างที่เห็นและได้กล่าวไปแล้ว จวนเจียนจะเสียประตู จวนเจียนจะโดนแบ่งแต้มแต่ก็รอดพ้นมาได้ ขณะที่ผลการแข่งขันของคู่แข่ง เชลซี – แมนฯยูไนเต็ด หากว่าไม่จบลงที่ผลเสมอ เช่น แมนฯยูไนเต็ด เป็นผู้ชนะ ก็น่าจะเป็นแมนฯยูไนเต็ดที่แซงลิเวอร์พูลขึ้นมาอยู่รองจ่าฝูงแทน หรือแมนฯยูไนเต็ดแซงขึ้นเป็นจ่าฝูง
เขี่ยเชลซีลงมาเป็นรองจ่าฝูง ส่งผลกระทบให้ลิเวอร์พูลหล่นลงจากรองจ่าฝูงเช่นกัน ส่วนกรณีเชลซีชนะ แม้ลิเวอร์พูลจะรั้งอันดับรองจ่าฝูงต่อไป แต่พวกเขาก็จะถูกเชลซีทำแต้มทิ้งห่างไปอีก 3 แต้มเต็มๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ไล่คืนให้ทันได้ในเร็ววัน เพราะแมทหน้าลิเวอร์พูลต้องพบกับแมนฯยูไนเต็ด แต่กับสถานการณ์ปัจจุบันตอนนี้ ลิเวอร์พูลดูได้เปรียบทีมอื่นๆหมดจากบรรดาบิ๊กทีมทั้งหลาย ด้วยแต้มก็น้อยกว่าเชลซีเพียงแต้มเดียว ทว่าแข่งน้อยกว่าหนึ่งแมท หากแมทต่อไปเอาชนะแมนฯยูไนเต็ดได้ ก็จะมีแต้มที่มากกว่าเชลซีทันทีสองแต้ม (เทียบกับจำนวนแข่งขันที่เท่ากัน) แต่ถ้าเสมอก็ยังมีแต้มเท่ากัน หรือเลวร้ายที่สุดคือแพ้ก็ยังมีแต้มตามหลังทั้งเชลซี และแมนฯยูไนเต็ดเพียงแต้มเดียวเท่านั้น