ลิเวอร์พูล - แมนฯ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก อังกฤษ)
วันที่ : 01 กันยายน 2556
เวลา : 19:30 น.
ถ่ายทอดสด : CTH STADIUM 1
เปรียบเทียบความพร้อมของทีม ลิเวอร์พูล : "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ของกุนซือหนุ่มชาวไอร์แลนด์เหนือ "เบรนแดน ร็อดเจอร์ส" ไล่ล่าชัยชนะนัดที่สามในลีกของฤดูกาลนี้ หลังจากที่สัปดาห์ก่อนบุกกำราบ แอสตัน วิลล่า 1-0 ก่อนเพิ่งเปิดบ้านหวด น็อตต์ส เคาน์ตี้ 4-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษศึกแคปิตอล วัน คัพ เมื่อกลางสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ในการเปิดแอนฟิลด์ทำศึกแดงเดือดวันอาทิตย์นี้ ถือว่าร็อดเจอร์สต้องเจอปัญหาก่อนจัดทัพ เมื่อสองคู่หูในแนวรับอย่าง โคโล ตูเร่ กับ อาลี ซิสโซโก้ รวมถึงกองกลาง โจ อัลเลน ดันมีอาการเจ็บจากเกมฟุตบอลถ้วยเมื่อมิดวีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายของตูเร่ที่ถือเป็นกำลังสำคัญของทีมมาตลอดตั้งแต่ย้ายมาเมื่อซัมเมอร์ โดยหากว่าเรียกความฟิตกลับมาไม่ทันร็อดเจอร์สก็คงต้องลุ้นให้ มาร์ติน สเคอร์เทล หายเจ็บหัวเข่าได้ทันเพื่อลงจับคู่ดูแลแนวรับร่วมกับ แดเนียล แอ็กเกอร์
ส่วน หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงทีมชาติอุรุกวัย ยังต้องชดใช้โทษแบนนัดที่แปดจากทั้งหมด 10 เกมที่ค้างมาจากเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เท่ากับว่า แดเนียล สเตอร์ริดจ์ จะรับบทหัวหอกตัวเป้าต่อไป ขณะที่ เซบาสเตียง โกอาเตส กองหลังเพื่อนร่วมทีมชาติของซัวเรซก็ส่อแววพักยาวทั้งฤดูกาล หลังจากที่เจ็บหัวเข่ารุนแรง
เชื่อว่าบีร็อดคงจัดทัพชุดใหญ่โดยยึดทีมที่ทำได้ดีในการชัยสองเกมแรกในลีก นำโดยสตาร์ทั้ง สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, ซิมง มิโญเล่ต์ และสเตอร์ริดจ์ที่กำลังร้อนแรง
แมนฯ ยูไนเต็ด : ฝั่งทางด้าน "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของกุนซือหน้าอีที "เดวิด มอยส์" ออกสตาร์ตฤดูกาลมาสองเกมยังไม่แพ้ โดยชนะหนึ่งและเสมอกับเชลซี ทีมผู้ท้าชิงแชมป์ 0-0 ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อคืนวันจันทร์ที่แล้ว
สำหรับบิ๊กแมตช์วันอาทิตย์นี้ เชื่อว่า เวย์น รูนี่ย์ กองหน้าทีมชาติอังกฤษ จะสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงเอาไว้ได้ต่อไป หลังจากที่ทำผลงานทุ่มเทได้อย่างน่าประทับใจในการปะทะกับสิงโตน้ำเงินคราม
ขณะที่ ฟิล โจนส์ แข้งสารพัดประโยชน์ ได้รับการคาดหมายว่า จะสามารถสลัดอาการเจ็บหลังที่ได้รับในเกมกับ เชลซี ลงทำหน้าที่แบ็กขวาให้ทีมแทนที่ ราฟาเอล ดา ซิลวา (เอ็นหลังหัวเข่า) ที่ต้องพักนานถึงสี่สัปดาห์
นอกเหนือไปจากพวกที่เจ็บอยู่แล้วก่อนหน้านี้อย่างกองหน้าเม็กซิกัน ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ ''ชิชาริโต้'' (เอ็นหลังหัวเข่า) รวมถึงปีก หลุยส์ นานี่ แล้ว ถือว่ามอยส์ไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บเพิ่มเติมแต่อย่างใด
กุนซือชาวสกอตติชที่จะได้รับประสบการณ์เยือน แอนฟิลด์ ในเกมแดงเดือดเป็นครั้งแรก คงยึดทีมหน้าเดิมๆ ต่อไป โดยแนวรับมี ปาทริซ เอวร่า ซึ่งคงโดนโห่หนักจากการเคยมีคดีกับซัวเรซ ส่วนแดนกลาง ไมเคิ่ล คาร์ริค จะใช้ความเก๋าคุมจังหวะ ปล่อยให้ แดนนี่ เวลเบ็ค, รูนี่ย์ ประสานงานกับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ในแนวรุก
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ลิเวอร์พูล : (4-2-3-1) : ซิมง มิโญเล่ต์ - เกล็น จอห์นสัน, โคโล ตูเร่ (มาร์ติน สเคอร์เทล), แดเนียล แอ็กเกอร์, โฆเซ่ เอ็นริเก้ - ลูคัส เลวา, สตีเว่น เจอร์ราร์ด - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ยาโก้ อัสปาส, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ - แดเนียล สเตอร์ริดจ์
แมนฯ ยูไนเต็ด : (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา - ฟิล โจนส์, เนมานย่า วิดิช, ริโอ เฟอร์ดินานด์, ปาทริซ เอวร่า - ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์, ไมเคิ่ล คาร์ริค - อันโตนิโอ วาเลนเซีย, เวย์น รูนี่ย์, แดนนี่ เวลเบ็ค - โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
วิจารณ์เกมการแข่งขัน
ยอดทีมแห่งเมอร์ซีไซด์ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมเจ้าบ้านเกมนี้กำลังคึกคัก หลังจากที่ไปซิวชัยมา 4 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีก แต่อย่างไรก็ตาม ทีมแชมป์เก่าอย่าง "ปีศาจแดง" จะไปเยือนแบบรัดกุมตามสไตล์ "มอยส์" โดยให้แนวรับอยู่ลึกแล้วรอจังหวะโต้กลับ ดูท่าแล้วคงไม่เปิดโอกาสให้ "สเตอร์ริดจ์" ได้เล่นง่ายๆแน่ ขณะเดียวกันที่ตัวพลิกเกมอย่าง "เวย์น รูนี่ย์" หรือ "โรบิน ฟาน เพอร์ซี่" เองก็พร้อมทำแสบให้เจ้าถิ่น ดูจากสถิติแล้วอย่าลืมว่า "ทัพผี" นั้นไร้พ่ายในลีกถึง 26 จาก 28 เกมหลัง และชนะ "หงส์แดง" 3 ครั้งหลังทุกรายการ นอกจากนี้ เจ้าบ้านก็กรำศึกหนักในฟุตบอลถ้วยมาด้วย "ปีศาจแดง" ไม่แพ้แน่ และน่าจะได้แชร์แต้มกลับบ้านเป็นอย่างน้อย