สำหรับโอกาสในการติดทีมชาติ หลายคนอาจมองว่านักเตะที่อยู่ค้าแข้งกับทีมใหญ่ๆ ตัวอย่างในยุโรป เช่นในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ก็มีทีมแมนฯยูไนเต็ด แมนฯซิตี้ เชลซี เป็นต้น หรือในลาลีกาก็ทีม รีล มาดริด บาร์เซโลน่า เป็นต้น นั้นมีโอกาสที่จะติดทีมชาติได้ง่ายกว่านักเตะที่เก่งๆแต่ไม่ได้ค้าแข้งกับทีมใหญ่ๆ หรือว่าง่ายๆก็คือโอกาสที่นักเตะซึ่งค้าแข้งอยู่กับทีมเล็กๆนั้นไม่ค่อยมีต่อจะให้เล่นดีแค่ไหนก็เถอะ ด้วยเวลาที่แมวมองทีมชาติ, โค้ชทีมชาติ, ผู้จัดการทีมทีมชาติ
จะมองหานักเตะใหม่ๆเข้าไปติดธงรับใช้ชาติเขาก็จะโฟกัสไปที่ทีมใหญ่ๆและตามดูฟอร์มนักเตะในชาติตนเองที่ค้าแข้งอยู่ในทีมนั้นๆว่าเป็นอย่างไร แต่กับทีมเล็กๆนั้นว่ากันว่าเขาไม่ได้สนใจที่จะตามชมผลงานสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทีมชาติที่เป็นระดับบิ๊กๆ เช่น ทีมชาติสเปนเราจะเห็นเลยว่าในทีมส่วนใหญ่มีแต่นักเตะที่ค้าแข้งอยู่กับทีมใหญ่ๆทั้งนั้น คือรีล มาดริด กับบาร์เซโลน่าสองทีมก็เกือบจะครบทีมชาติสเปนทั้งชุดแล้ว แล้วก็มีที่เห็นๆอีกก็คือจากทีมเชลซีในรายของ ฮวน มาต้า และทีมแมนฯซิตี้ในรายของซิลบาที่ก็เป็นนักเตะจากทีมใหญ่ๆดังกล่าว ฉะนั้นเวลานักเตะคนไหนมีฝันอยากติดทีมชาติ อยากก้าวหน้าในเส้นทางของนักฟุตบอลเขาก็มักเลือกที่จะย้ายไปอยู่กับทีมที่ใหญ่กว่าเมื่อมีโอกาส
แต่ทว่าท่ามกลางเงื่อนไขต่างๆที่กล่าวซึ่งทำให้นักเตะหลายคนตัดสินใจเลือกย้ายไปอยู่กับทีมใหญ่ เรากลับได้เห็นเคสที่แตกต่างออกไปซึ่งคือในรายของ “มิชู” กองหน้าทีมหงส์ขาว สวอนซี ซิตี้ ทีมนี้ปฎิเสธกันไม่ได้ว่าเป็นทีมเล็กๆทีมนึงในอังกฤษเท่านั้นและก็เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดได้ไม่กี่ฤดูกาลเอง แต่ด้วยผลงานที่มิชูทำได้และก็เข้าตาผู้จัดการทีมชาติสเปนเขาจึงถูกเรียกตัวไปติดทีมชาติ น่าสนใจครับว่านี่เป็นสัญญาณของบ่งบอกธรรมเนียมในการเรียกตัวนักเตะไปติดทีมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วหรือเปล่า? แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเวลานี้มิชูก็ถือเป็นตัวอย่างที่ดีมากๆในการทำให้นักเตะที่สังกัดอยู่กับทีมเล็กๆได้มีความมุ่งมั่น ตั้งใจทำผลงานให้ดีกว่าเดิมเพื่อพาตนเองเข้าไปติดทีมชาติ