"ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด เสียเปรียบตัวผู้เล่นตั้งแต่กลางครึ่งแรกหลัง "เซร์คิโอ้ รามอส" เป็นตัวสุดท้ายตัดฟาล์วโดนไล่ออกแต่มาได้ฟรีคิกสุดสวยของ "แกเร็ธ เบล" ยิงนำก่อนโดนตีเสมอทันควัน สุดท้ายครึ่งหลังกลับติดเครื่องทะลวงไส้ยิงอีก 3 ลูกเปิดรังถล่ม "กาลาตาซาราย" เละ 4-1 เข้าป้ายแชมป์กลุ่มแบบหล่อๆ
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม
สนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว
วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2556
เรอัล มาดริด 4-1 กาลาตาซาราย ออกสตาร์ทเกมช่วงครึ่งแรกมาไม่ทันไรโอกาสทองของเจ้าบ้านมาก่อนเลย โดยบอลจากอิสโก้ แทงทะลุช่องให้แกเร็ธ เบล หลุดกับดักล้ำหน้าสปีดไปเอาบอลดวลตัวต่อตัวกับนายทวารกาลาฯแล้ว แต่จังหวะจบเบี่ยงตัวแปหนีโกล์ไปเสาไกลแต่ให้มากกว่าบานเฉี่ยวเสาออกไปน่าผิดหวัจริงๆ
นาที 18 โอกาสแรกของทีมเยือนจากตุรกีมาจากจังหวะลากทำเกมขึ้นมาตรงกลางก่อนจะไหลให้เซลซุค อินาน ทางขวา มีพื้นรออยู่ด้านในแต่เขาเลือกยิงเองและทำได้ไม่ดีพอโด่งข้ามคานไปเยอะ
นาที 26 ต้องรับสภาพเลยสำหรับปราการหลังตัวเก่งของมาดริด ที่บีดยแย่งบอลยาวก่อนพลาดท่าให้อูมุต บูลุต พลิกตัวเอาบอลไปเล่นได้ เจ้าตัวเลยคว้าแขนคู่แข่งร่วงเสียฟรีคิก ผู้ตัดสินชูใบแดงไล่รามอสออกไปอย่างไม่ทีทางเลือก มาดริดเหลือสิบคนแล้ว จากนั้นอันเช่ก็แก้เกมส่งนาโช่ เฟร์นานเดซ กองหลังแทนเฆเซ่ โรดริเกซ กองหน้าแทน
นาที 28 จังหวะฟรีคิกต่อเนื่องจากลูฟาล์วของรามอส เป็นโอกาสของทีมเยือนและเป็นอินาน ที่ขอสังหารแต่จังหวะยิงไปแฉลบกำแพงเข้าซองอิเค่ร์ คาซิญาส ยืนรับกลางประตูพอดี
นาที 37 วันนี้ลุกพี่โรนัลโด้ไม่ได้ลงเลยได้รับหน้าที่สังหารฟรีคิกสำหรับแกเร็ธ เบล และเขาก็ไม่ให้แฟนๆรวมถึงโด้ต้องผิดหวัง วิ่งกดเต็มข้อระยะกว่า 30 หลา บอลลอยข้ามแพงส่ายก่อนฮุบลงมาเสียบใต้คานหมดสิทธิ์สำหรับนายทวารอิสคาน เป็นประตูขึ้นนำให้มาดริดแล้ว 1-0
นาที 38 ดีใจยังไม่ทันหายโดนกาลาตาซารายตีเสมออีกนาทีถัดมาเลย จากจังหวะที่ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา พลิกหาช่องเหลือบเห็นบูลุตวิ่งมาเลยป้อนให้อย่างพอดีเป๊ะ และบูลุตก็แปสวนตัวคาซิญาสเข้าไปไม่พลาด ตีเสมอทันควัน 1-1
นาที 43 แม้จะทำประตูสุดสวยแต่ก็ไร้ความหมายเมื่อโดนตีเสมอทันควัน คราวนี้มีเบล มีโอกาสจะเป็นฮีโร่ให้ทีมอีกครั้งแต่หลุดเข้ากรอบเขตโทษเยื้องทางซ้าย มีเวลาและพื้นที่มากมายแต่สุดท้ายกลับกดเต็มข้อโด่งข้ามคานออกอย่างน่าผิดหวังอย่างยิ่ง
จบครึ่งแรก เรอัล มาดริด ตกเป็นรองเรื่องจำนวนผู้เล่นหลังจากเซร์คิโอ้ รามอส โดนใบแดงออกไป แต่กลับได้ประตูนำก่อนจากฟรีคิกของแกเร็ธ เบล แต่ถัดมานาทีเดียวอูมุต บูลุต ก็ยิงตีเสมอได้ สกอร์ยังเท่ากันที่ 1-1
กลับลงสนามมาเล่นกันต่อในนาทีที่ 47 จังหวะแรกของครึ่งหลังเป็นทีมเยือนที่พยายามเดินหน้าลุยก่อน ดร็อกบา เก็บบอลดึงรอจังหวะบรูม่า ปีกดาวรุ่งสอดขึ้นมาก่อนจะซัดแบบกึ่งยิงกึงยิงแต่ไม่ดีทั้งสองอย่างผ่านหน้าประตูไปแบบไม่ได้ลุ้น
นาที 51 ตัวน้อยกว่าแต่พลิกขึ้นนำอีกครั้งได้สำหรับมาดริด จากจังหวะที่อังเคล ดิ มาเรีย ได้บอลกราบซ้ายก่อนจะเล็งเปิดครอสมาตรงกลางเขตโทษ เป็นอัลบาโร่ อาร์เบลัว สอดมาจากแบ็คขวาเข้ามาแประยะ 6 หลาลอดแขนของอิสคานเข้าไปไม่ล้ำหน้า เรอัล มาดริด นำอีกครั้ง 2-1
นาที 59 พอยิงได้เหมือนผีเข้าเติมขึ้นมาได้ลุ้นจากจังหวะได้ฮาล์ฟวอลเล่ย์มุมกรอบเขตโทษแต่กดเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น เกือบจะยิงลูกที่สองของตัวเองได้
นาที 61 ไม่รู้ใครสมควรได้เปรียบเสียบกันแน่แต่มาดริดยิงหนีไปอีกลูกแล้วจากการขึ้นมาทางขวา อิสโก้จ่ายเข้าทะลุมาให้อาร์เบลัว เติมมาก่อนถวายพานฟาดแอสซิสต์หล่อสุดๆให้อังเคล ดิ มาเรีย จับยิงผ่านมืออิสคานนิ่มๆ มาดริดสิบตัวนำห่างกาลาฯ11ตัว 3-1
นาที 71 โอกาสทองสองครั้งซ้อนๆในของดร็อกบา ดาวยิงจอมเก๋าของกาลาฯ หนแรกมาจากเฟลิเป้ เมโล่ โหม่งตั้งมาให้ดร็อกบาเทคตัวโหม่งเต็มหัวบอลจะเสียบคานอยู่แล้วแต่คาซิญาสยังไม่ยอมเสียบินปัดได้อย่างสุดยอด ถัดมาดร็อกบาได้โอกาสจากบอลเปิดข้ามกองหลัง เจ้าตัวตั้งเท้าแปแต่คาซิญาสมาปิดเสาแรกรับได้ติดมือ
นาที 80 เอาเครดิตไปคนเดียวเต็มๆสำหรับอิสโก้ เพล์เมคเกอร์ดาวโรจน์ จับบอลลงอย่างนิ่มนวลก่อน ล็อคหนีไปหนึ่งก่อนยิงติดบล็อคแต่โชคดีสุดๆบอลกลับมาเข้าทางเล่นต่อก่อนจัดการหลอกอินานซะหลังแทบหักก่อนจะแปเข้ามุมเข้าไปอย่างเยือกเย็น มาดริดสิบตัวยังโหดได้อีกหนีเป็น 4-1
จบเกม เรอัล มาดริด เสียเปรียบตัวผู้เล่นตั้งแต่กลางครึ่งแรกหลังเซร์คิโอ้ รามอส เป็นตัวสุดท้ายตัดฟาล์วโดนไล่ออกแต่มาได้ฟรีคิกสุดสวยของแกเร็ธ เบล ยิงนำก่อนโดนตีเสมอทันควัน สุดท้ายครึ่งหลังกลับติดเครื่องทะลวงไส้ยิงอีก 3 ลูกเปิดรังถล่มกาลาตาซารายเละ 4-1 เข้าป้ายแชมป์กลุ่มแบบหล่อๆ