การยืมตัวนักเตะไปใช้งานระหว่างทีมสโมสรต่างๆถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการพัฒนาคุณภาพทีม และแก้ปัญหาขุมกำลังของทีม โดยเฉพาะการแก้ปัญหาแบบชั่วคราว ทั้งนี้ลักษณะของการยืมตัวผู้เล่นระหว่างทีมต่างๆก็จะเป็นการเซ็นต์สัญญาร่วมกันระหว่างสองสโมสรว่านักเตะรายนั้น รายนี้ (นักเตะที่จะถูกยืม หรือถูกปล่อยให้ยืม) จะย้ายไปร่วมเล่นกับทีมนั้นๆคล้ายกับการเซ็นต์สัญญาย้ายทีมของนักเตะทั่วๆไปที่แต่ละสโมสรมีการซื้อขายกัน เพียงแต่การเซ็นต์สัญญาแบบยืมตัวนั้นจะมีการกำหนดระยะเวลาเอาไว้
ว่านักเตะรายนั้นๆจะย้ายไปเล่นให้กับทีมใหม่เป็นระยะเวลาเท่าไหร่ เช่น 1 ฤดูกาล ครึ่งฤดูกาล เป็นต้น ซึ่งถ้าครบตามเวลาที่กำหนดแล้ว นักเตะก็ต้องย้ายกลับสโมสรเดิม แต่ทว่าสำหรับทีมในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลีกยอดนิยมที่สุดของโลกแล้วมันมีกฎข้อห้ามหนึ่งอย่างที่ทำให้การยืมตัวนักเตะระหว่างทีมต่างๆในลีกของพวกเขาแตกต่างไปจากลีกอื่นๆ นั่นก็คือการที่ทีมที่ได้ยืมนักเตะรายใดๆจากทีมใดไปก็แล้วแต่ ไม่สามารถส่งนักเตะรายนั้นลงสนามเผชิญหน้ากับต้นสังกัดที่แท้จริงของนักเตะได้ ตัวอย่างเช่นในรายของ “โรเมลู ลูกากู” กองหน้าของทีมสิงห์บูลเชลซีที่เวลานี้ถูกทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน ยืมตัวไปใช้งาน เมื่อเชลซีมีโปรแกรมต้องเจอกับเอฟเวอร์ตัน เอฟเวอร์ตันก็จะไม่สามารถส่งลูกากูลงไปล่าตาข่ายให้ทีมได้
และด้วยเหตุนี้เองทางด้านอาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล จึงได้ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย โดยเขาชี้ว่ามันไม่ค่อยยุติธรรมนักหากว่านักเตะรายใดๆจะไม่มีโอกาสลงสนามพบกับทีมเก่า เพราะมันไม่ง่ายเลยที่ครั้งนึงนักเตะคนนึงจะได้ลงสนามเจอกับทีมตันสังกัดของตนเอง พร้อมกับยกตัวอย่างในอดีตของทีมตนเองขึ้นมาเปรียบเทียบ ในสมัยที่พรีเมียร์ลีกให้อิสระสโมสรในการตัดสินใจเองว่าจะเลือกให้นักเตะตนเองลงเจอกับทีมต้นสังกัดได้หรือไม่ กรณีปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัวไปใช้งาน อาทิเช่น เจอร์เมน เพนเนนท์ ที่อาร์เซน่อลให้ลีดส์ยืมตัวไปใช้งาน ตนเองก็อนุญาตให้เพนเนนท์ลงเจออาร์เซน่อลได้ หรือฟรานซิส เจอเฟอร์ที่ให้เอฟเวอร์ตันยืมตัวไปใช้งาน ก็อนุญาตให้ลงสนามพบกับทีมอาร์เซน่อลของเขาได้ และเจอเฟอร์ก็ยิงประตูอาร์เซน่อลได้ด้วยซ้ำ ซึ่งแบบนี้แหละที่เขาคิดว่ามันยุติธรรมดี