คงเป็นอย่างที่หลายๆคนบอกว่ายิ่งสูงยิ่งหนาวเมื่อเกมนี้ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล จะต้องก้มหน้าทำใจยอมรับชะตากรรมเจอ 2 ทีมใหญ่พ่ายรวดล่าสุดนำ "สิงห์โตน้ำเงินคราม" เชลซี รวดเร็วตั้งแต่นาทีที่ 4 สุดท้ายโดนยิงแซงแพ้ 2-1 จากจ่าฝูงเมื่อสัปดาห์ก่อนร่วงไปอยู่ที่ 5 ส่วน "สิงห์ไฮโซ" อยู่ที่ 3 ตามจ่าฝูงเหลือ 2 แต้มเท่านั้น
พรีเมียร์ลีก
วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2556
เชลซี 2-1 ลิเวอร์พูล ออกสตาร์ทเกมมาได้แค่นาทีที่ 4 "หงส์แดง"ทำช็อกหลังขึ้นนำเชลซี 1-0 จากฟรีคิกไกลของคูตินโญ่แล้วซัวเรซขึ้นเทคไปโดนอิวาโนวิชจนบอลแน่นิ่งอยู่หน้าประตูระยะกำลังกินกำลังนอน 2 หลาก่อนสเคอร์เทลมาเขี่ยยิงอย่างง่ายดาย
พอโดนนำเร็วแข้งเชลซีเหมือนถูกน้ำร้อนลวกทำเกมรุกวิ่งกันพล่านและนาที 12 เชลซีน่าได้ประตูตีเสมออย่างที่สุดหลังแลมพาร์ดวิ่งมากดเต็มตีนเตี่ยจากระยะ 25 หลาบอลพุ่งกำลังจะเสียบสามเหลี่ยมแต่มิโญเลต์บินปัดปลายมือบอลเหินข้ามคานออกไปนิดเดียว เซฟเหลือเชื่อจริงๆ!
แต่แล้วทีมเยือนที่เนือยๆลงไปมาโดนตีเสมอในนาที 17 จนได้หลังการเคาะบอลจากตรงกลางสนามเป็นออสการ์หลุดขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษแล้วพยายามไหลเข้าเขตโทษให้เอโต้แต่ซาโก้อ่านทางดักไว้ได้แต่กลายเป็นเข้าทางอาซาร์ที่วิ่งมาแปปั่นไซด์บอลโค้งหนีมือมิโญเลต์เสียบเสาเข้าไปสุดงาม 1-1 แล้ว
เล่นมา 20 นาทีตอนนี้ซัวเรซยังแทบไม่เจอบอลเพราะเจอทั้งเทอร์รี่และเคฮิลล์ตามประกบคู่เรียกว่าเพื่อนหงส์มองหาจ่ายมาโดนตัดตลอดทำให้เกมรุกของลิเวอร์พูลง่อยรับประทานและถูกเชลซีขึงเกมต่อบอลใส่หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
อีก 5 นาทีต่อมาทีมเยือนต่อบอลทำชิ่งก่อนซัวเรซเคาะเร็วให้อัลเลนหลุดเข้าถึงเขตโทษระยะเผาขน 6 หลาแต่ตอนยิงอย่างช้าเลยถูกเคฮิลล์สไลด์เตะทิ้งออกหลังไปเฉย
นาที 30 เชลซีชักไม่ดีหลังอิวาโนวิชเจ็บเล่นต่อไม่ไหวต้องส่งโคลมาเล่นแบ็คซ้ายแล้วโยกอัสปิ
อีก 4 นาทีเกมรับ"หงส์แดง"ยุ่ยอีกแล้วหลังออสการ์ที่ได้บอลในเขตโทษแล้วพยายามตบเข้าในตามน้ำแต่แฉลบซาโก้แล้วกลายเป็นดีกระเด้งกระดอนไปเข้าทางออสการ์อีกทีคราวนี้ล้มตัวปาดเลียดให้เอโต้วิ่งมาแปเข้าฮอร์ตระยะ 6 หลาบอลเบาก๋องแต่มิโญเลต์ล้มตัวปัดยังไงไม่รู้บอลค่อยปลิ้นกลิ้งชนเสาเข้าไปหน้าตาเฉย เชลซีพลิกแซงนำ 2-1
ก่อนหมดเวลา 3 นาที"หงส์แดง"ที่เกมเป็นรองอย่างหนักเกือบตีเสมอได้หลังสเตอร์ลิ่งได้บอลทางปีกขวาแล้วปาดเลียดกะให้ซัวเรซพี่ใหญ่แต่ติดขาเทอร์รี่และกลายเป็นหยุดให้อัลเลนที่วิ่งมากดเต็มๆในเขตโทษแต่เช็กล้มตัวปัดเหลือเชื่อ
ช่วงท้ายเกมเชลซีเหมือนจะไม่ลดราวาศอกแต่นักเตะทีมเยือนยังช่วยรุมไล่และได้ครองเกมบ้างตอนทดเจ็บสุดท้ายทำอะไรไม่ได้หมด 45 นาที + 3 ทดเจ็บจบลงด้วยสกอร์เจ้าถิ่นแซงนำ 2-1
กลับเข้าสู่ช่วงครึ่งหลังมาได้ 15 นาทีมีรายงานว่าแลมพาร์ดเจ็บต้นขาเล่นต่อไม่ไหวต้องให้จอห์น โอบี มิเกลลงมาแทน
เล่นมา 7 นาทีลิเวอร์พูลพลาดโอกาสตีเสมออย่างไม่น่าเชื่อหลังฟรีคิกเร็วเป็นเฮนเดอร์สันหยอดบอลน้ำหนักสุดเนียนให้ซาโก้ที่เติมขึ้นมาขวิดในเขตโทษบอลค่อยๆย้อยกำลังจะเข้าใต้สามเหลี่ยมแต่ไปชนคานดังสนั่นกันเลยทีเดียว
อีกไม่กี่นาทีทีมเยือนทำเสียบอลในแดนตัวเองจนเอโต้ได้บอลหลุดเดี่ยวไม่ล้ำหน้าแล้วลากไปล่อเป้ามิโญเลต์แต่อดีตหอกอินเตอร์ มิลานตะบันยิงยัดไปติดบล็อกจอมหนึบทีมชาติเบลเยียมที่ปิดเสาแรกเอาไว้สุดยอด เสียเตะมุม
เกมแลกกันมันแล้วนาที 58 โอกาสส่องหนแรกของซัวเรซในเกมนี้มาจากการเก็บตกบอลหน้าเขตโทษของคูตินโญ่ก่อนแยงออกมาทางริมเขตโทษฝั่งซ้ายให้เฮนโด้ตวัดเปดิย้อยมาให้"หม่อมเหยิน"ง้างตีนวอลเลย์ตามน้ำบนเส้นเขตโทษพอดีแต่ไปตรงตัวเช็กที่ล้มตัวเซฟบนเส้นพอดี
ลิเวอร์พูลมีปัญหาแล้วหลังอัลเลนเจ็บแล้วบีร็อดไม่มีทางเลือกต้องส่งแบร๊ด สมิธเจ้าหนูดาวรุ่งลงมาแทนในนาที 59
วันนี้ราฮีมเล่นดีมากเสียบอลน้อยและสร้างปัญหาให้แนวรับเชลซีได้ดีมากแต่พอทำดีแล้วส่งมาให้ GJ พี่ท่านทำเสียเพื่อนเหนื่อยฟรี กากแท้เหลา
นาที 70 ลูคัสเงอะงะหน้าประตูถูกออสการ์วิ่งมาบีบแย่งจนสุดท้ายได้ส่องไซด์หน้าเขตโทษบอลพุ่งเฉี่ยวเสาเกือบกลายเป็นประตูตอกฝาโลง
อีก 4 นาทีต่อมาหลังซัวเรซพาทัวร์ลากจากปีกซ้ายมาเกือบๆปีกขวาโดยมีอิวาโนวิชตามแซะจนสะบัดมีอารมณ์กันไปแต่บอลมาเข้าทาง GJ ที่มาตามสไตล์ยิงไกลด้วยซ้ายแต่งวดนี้เกือบเข้าบอลเลียดเบียดเสาแต่เช็กยังไวล้มตัวปัดหวุดหวิด
ยิ่งท้ายเกมเท่าไหร่ซัวเรซเหมือนเริ่มมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆและไม่ต้องสงสัยว่าจะมีผู้เล่นเชลซีเข้ามารุมมากมายถึง 3 คนและได้ฟาว์ลบ้างไม่ได้ฟาว์ลบ้างโดยเฉพาะนาที 83 ที่เอโต้ไปดักเข่าใส่หม่อมเหยินในเขตโทษยังดีฮาวเวิร์ด เวบบ์มองว่าเสียการครองบอลไปแล้วเลยไม่ได้ให้จุดโทษ
ก่อนหมดเวลานาทีเดียวเกือบมีประเด็นหลังตอร์เรสตัวสำรองกระชากหนีซาโก้จากปีกขวาเข้ามาในเขตโทษก่อนหนีสเคอร์เทลที่เข้าพรวดไปอีกคนแต่ตอนยิงเหน่งๆตรงระยะ 7 หลาเบาไปเลยถูกมิโญเลต์ล้มตัวเซฟเอาไว้ได้
ทดเจ็บเชลซีเผาเวลาพยายามเล่นมุมธงบ้างเอาฟาว์ลบ้างสาดโด่งเอาซัก 3 วินาทีบ้างสุดท้าย"หงส์แดง"พยายามจะเร่งมือแต่ไม่ทันการแถมตอนใกล้หมดเวลาลูคัสมีเรื่องกับออสการ์รุ่นน้องร่วมชาติที่เข้าบอลเปิดปุ่มหนักเกินเหตุ ส่วนดาวิด ลุยซ์บราซิเลี่ยนอีกคนก็มาแจมด้วยจนเพื่อนต้องมาห้ามทัพ
หมดเวลาเชลซีทำสถิติในบ้านชนะ 9 เสมอ 1 สวยงามอยู่ที่ 3 ตามหลังอาร์เซนอลเพียง 2 แต้มส่วน"หงส์แดง"ร่วงยาวไปที่ 5 ตามจ่าฝูง 6 แต้มและนำหน้าทีมอันดับ 8 แค่ 3 แต้มเรียกว่าชีวิตพร้อมเปลี่ยนหากนัดหน้าเจอฮัลล์ไม่ชนะอีอก