ศึกลูหนัง ลอนดอน ดาร์บี้ แมตช์ที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในเกมนี้ผู้กอง "อเดบายอร์" ลงสนามมาซัดประตูเบิกร่องทีมเก่าก่อนจะไปโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม เป็นเหตุให้เพื่อนโดน "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล พลิกกระหน่ำซัดแบบสะใจ 5-2 "ปืนใหญ่" เลยแซง "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ส ที่แพ้ 3 เกมติดขึ้นไปนั่งที่ 6 เลย
พรีเมียร์ ลีก
วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2555
อาร์เซนอล 5 - 2 ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ส
สนาม เอมิเรตส์ สเตเดี๊ยม
เปิดฉากเริ่มเกมมาได้ถึงนาทีที่ 9 "สเปอร์ส" มีจังหวะที่เกือบจะทำประตูขึ้นนำไปได้ จากจังหวะที่เล่นลูกฟรีคิก จังหวะแรกแม้โดนสกัดแต่ก็หนุนเข้าไปอีกรอบ กัลลาสหลุดพลิกตัวได้ยิงเหน่งๆคนเดียวเข้าไป แต่ไลน์แมนตีธงก่อนเพราะเขายืนเหลือมล้ำอยู่
เพียงแค่นาทีเดียวหลังจากนั้น อาร์เซนอลก็แสบถึงทรวง เมื่อมาโดนนำอย่างเร็ว แต่นั่นคงไม่เจ็บเท่าไหร่ หากนั่นไม่ใช่ฝีเท้าของอเดบายอร์ที่ตามเข้าซ้ำลูกยิงของเดโฟที่เซสนี่ย์ปัดออกมาไม่ขาดเข้าประตูไป คราวนี้ไม่วิ่งข้ามฟากสนาม แต่ขอข้ามป้ายไปวิ่งอ้อมหน้าแฟนเจ้าบ้าน ก่อนไปเฮกับแฟน "ไก่เดือยทอง" ทีมเยือนนำ 1-0
นาทีที่ 18 โทษใครไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียวสำหรับอเดบายอร์ในจังหวะนี้ ที่อยู่ๆก็ไปเล่นแบบไม่เข้าเรื่อง พยายามเข้าสกัดจังหวะที่กาซอร์ล่าจะเข้าเล่นบอล แต่ดันเปิดปุ่ม แค่นั้นไม่พอ ยังเสียบสูงเข้าข้อเท้าของแข้งสแปนิชแบบเต็มๆ เว็บบ์เป่าฟาวล์ก่อนที่จะมาแจกใบแดงให้อเดบายอร์ สเปอร์สนำอยู่จริง แต่เหลือผู้เล่นน้อยกว่าแล้ว
จากจังหวะดังกล่าวทำให้เบลกับวิลเชียร์มีปากเสียงจนเกือบจะถึงขั้นลงไม้ลงมือ ผลักอกกัน จนเพื่อนๆต้องมาแยกออกไป
นาทีที่ 24 ถึงจังหวะที่เสียประตูเขาจะช้าไปนิด แต่สุดท้ายแมร์เตซัคเกอร์ก็มาช่วยทีมได้ จากการที่วัลค็อตต์ลากบอลป้วนเปี้ยนทางริมเส้นขวา ก่อนที่จะบรรจงตักเข้าใน แมร์เตซัคเกอร์สูงโคตรกว่าใครขึ้นโหม่งเลือกมุมส่งบอลผ่านมือญอริสที่พุ่งยังไงก็ไม่ไหวเข้าเสียบตาข่าย เกมเสมอกันแล้ว 1-1
นาทีที่ 31 ได้โอกาสลงทั้งทีก็ต้องปล่อยของกันหน่อยสำหรับญอริส จากจังหวะที่วิลเชียร์เปิดฟรีคิกเข้าไปในเขตโทษ ชิรูด์ชิงโหม่งได้ก่อนกองหลัง บอลลอยโค้งเข้าหาประตู แต่ญอริสบินสุดตัว ก่อนปัดงัดบอลข้ามคานไปได้
อีก 4 นาทีต่อมา นี่เป็นการจัดทัวร์ข้ามฟากสนามชัดๆเลยสำหรับเบล จากจังหวะที่ญอริสขว้างบอลเร็วมาถึงเขา พยายามแตะมองหาเพื่อนจ่ายแล้วแต่ไม่มี ทำให้เจ้าตัวแตะหาช่องไปเรื่อย กลายเป็นลากตั้งแต่ริมเส้นฝั่งซ้าย ยาวไปฝั่งขวา มีผู้เล่นอาร์เซนอลเข้าไล่ถึง 3-4 คน แต่สุดท้ายเจอความฉลาดของปีกหน้าลิงแตะบอลให้สะกิดกองหลังออกเพื่อเอาเตะมุม
นาทีที่ 40 แอบตรงไปนิดเลยพลาดไปสำหรับชิรูด์ในจังหวะที่เขาเทคตัวขึ้นโหม่งสะบัดได้ตรงกลางประตูเน้นๆ แม้ว่านะยะจะใกล้พอควร แต่ญอริสก็โชว์ความว่องดีดตัวคว้าบอลเอาไว้ได้หนึบมือ
อีก 2 นาทีต่อมา อาร์เซนอลนอกจากจะเก่งไม่พอยังมาได้ความเฮงเพิ่มเข้าไปด้วย เมื่อโพโดลสกี้ได้บอลที่หลุดเข้ามาถึงเขามาเขตโทษ ก่อนจะพยายามพลิกแล้วยิงเร็วเลย บอลแฉลบสตั๊ดของกัลลาสที่พยายามบล็อกนิดหนึง เลยทำให้หมุนสปินเร็วกว่าเดิม ก่อนจะเด้งเข้าไปเสียบเสาไกล ญอริสได้แต่คุกเข่ามองอย่างเซ็ง อาร์เซนอลพลิกนำ 2-1
ช่วงทดเวลาของครึ่งแรก อาร์เซนอลมาทิ้งห่างไปเน้นๆ 3-1 จากจังหวะที่กาซอร์ล่าพยายามลากเข้าเขตโทษ แม้โดนสะกิดไว้ แต่เว็บบ์ให้เล่นต่อ เลยจัดการกระชากไปเปิดด้านข้าง บอลพุ่งเลียดเข้าทางปืนของชิรูด์ที่ล้มตัวซัดบอลผ่านญอริสเข้าประตูไป จบ 45 นาทีแรก ละลานตากันเลยเพราะมีถึง 4 ประตูด้วยกัน
ออกสตาร์ทครึ่งหลังทีมเยือนอย่าง "ไก่เดือยทอง" นั้นจัดการปรับทัพแบบเสร็จสรรพ ด้วยการถอดเอานอจ์ตันที่ครึ่งแรกไม่ค่อยนิ่ง รวมทั้งวอล์คเกอร์ที่ยังหาฟอร์มเก่งไม่เจอออกไป ก่อนจะส่งเด็มป์ซี่ย์กับดอว์สันลงไปเล่นแทน
นาทีที่ 54 เห็นสภาพแล้วเสียวแทนแฟนอาร์เซนอลจริงๆ เมื่อวัลค็อตต์พยายามที่จะสปีดไปเอาบอลที่เพื่อนวางยาวไปให้ แต่เจอความเฉียบของดอว์สันที่พุ่งเข้าเสียบซะอยู่หมัดจนล้มลงไปแล้วไหล่ลงพื้น ตอนแรกเหมือนจะไม่ไหวแต่พอเช็กอาการดูดีแล้วก็เล่นต่อไปได้
นาทีที่ 60 พอดิบพอดี เผลอๆจะกลายเป็นการฆ่าโหดคาสนามเอมิเรตส์ไปเลย เพราะตอนนี้อาร์เซนอลมาได้ประตูถล่ม 4-1 วัลค็อตต์จ่ายให้โพโดลสกี้ที่สายตาดีเหลือเกิน เหลือบเห็นกาซอร์ล่าเติมขึ้นมาเลยเปิดจังหวะเดียวให้แข้งสแปนิชล้มตัวเข้าฮอสตุงตาข่าย มีแววๆมีอีก
อีก 6 นาทีต่อมา จริงๆแล้วน่าจะซัดไปให้จบๆเลยสำหรับวัลค็อตต์ เพราะเขาอุตส่าห์ทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษมีจังหวะง้างยิงแล้ว แต่ดันเลือกล็อคให้เข้ามุมแคบ สุดท้ายเลยยิงไปติดบล็อกของญอริสที่ออกมากันเอาไว้ได้ทัน
ก็ถือว่าโชคร้ายและไม่มีทางเลือกสำหรับโบอาส เพราะเขาอุตส่าห์ปรับหมากวัดดวงในการยืนกองหลัง 3 คน แล้วให้ปีกที่มีความเร็วอย่างเบลกับเลนน่อนค่อยทะยอยลงไปช่วยเกมด้านข้าง แต่ตอนนี้มันชัดเจนเลยว่าพื้นที่ของอาร์เซนอลมีค่อนข้างเยอะ เนื่องจากทีมเยือนต้องบุกไปด้วย หลังบ้านเลยเปิดอ้าซ่า
นาทีที่ 71 โดนง่ายเกินไปจริงๆสำหรับแนวรับของอาร์เซนอลที่ยังไม่ใจไม่ได้เหมือนเดิม ปล่อยให้เบลที่มีความอันตรายสูงอยู่แล้วได้ลากบอลโล่งหน้าประตู ก่อนที่จะเลือกมุมหักข้อยิงด้วยขวาทะแยงเสียบเสาไกล เซสนี่ย์พุ่งไม่ถึง ไล่มา 4-2 ยากหน่อย แต่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้
อีก 2 นาทีต่อมา จังหวะนี้ยังไงก็ต้องจ่าย ต้องจ่ายเท่านั้นสำหรับเบล เพราะเบลกระชากไปจนถึงสุดเส้นหลังมุมแคบมากอยู่แล้ว แถมเดโฟยังเติมเข้าไปตรงกลางรอชาร์จอยู่ แต่ปีกหน้าลิงกลับมั่นใจเกิน เลือกยิงอัดหวังให้เสียบเสาไกล แต่บอลมันพุ่งผ่านหน้าประตูไป ทำให้เดโฟถึงกับโมโหเตะเสาระบายอารมณ์
มาถึงช่วง 10 นาทีสุดท้าย ไม่ต้องเสี่ยงอะไรแล้วสำหรับอาร์เซนอลที่ผ่อนเกมลงไปเยอะจนสเปอร์สมีโอกาส ตอนนี้เน้นเรื่องการครองบอล ต่อบอลให้แน่นอน รวมทั้งเผาเวลาให้มากที่สุดแทนที่จะไปคิดเรื่องบุกจนอาจจะโดนสวนเหมือนก่อนหน้านี้อีกรอบ
นาทีที่ 84 นานๆทีเติมแต่ก็ได้ลุ้นเหมือนกันสำหรับแฟร์มาเล่น ที่สอดขึ้นไปรับบอลจากซานโดรทะลุเข้าในเขตโทษ แต่จังหวะพยายามยิงดีดโดนเข้ากดดัน เลยกลายเป็นจิ้มแป้กหลุดออกหลังไป
ก่อนจบเกมวัลค็อตต์มาแผลงฤทธิ์ปิดท้ายด้วยการทำประตูที่ 5 จากการที่เขาเติมไปในเขตโทษรับบอลต่อจากเพื่อนแล้วยิงทะลุบล็อกของ "ไก่เดือยทอง" เข้าไป
อาร์เซนอลสามารถพลิกกลับมาเอาชนะสเปอร์สที่เหลือ 10 คนไปได้ด้วยสกอร์ 5-2 กลับมาเอาชนะได้ในรอบ 3 เกมหลังจากแพ้กับเสมอมา
แน่นอนว่าผลออกมาเป็นแบบนี้โบอาสคงต้องรู้สึกกดดันไม่น้อย เพราะ 5 เกมหลังสุดแพ้ไปถึง 4 เลยทีเดียว