กลายเป็นทีมที่สร้างสถิติใหม่ และทำลายสถิติใหม่เป็นว่าเล่นไปแล้วครับ สำหรับทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ดยุคเดวิด มอยส์ แต่ประเด็นก็คือสถิติที่ถูกทำลายลงในยุคเดวิด มอยส์ส่วนใหญ่นั้นเป็นสถิติดีๆที่ทีมในอดีตเคยทำไว้น่ะสิครับ เป็นต้นว่าสถิติไม่เคยพ่ายให้กับทีมเล็กๆบางทีมติดต่อกันยาวนาน (สุดท้ายก็มาพ่ายในยุคเดวิด มอยส์) เป็นต้น ตรงข้ามสถิติที่สร้างขึ้นมาใหม่กลับเป็นสถิติที่ไม่ดี ซึ่งแฟนบอลของทีมปีศาจแดงไม่อยากให้เกิดขึ้น อาทิเช่น การทำประตูจากการเล่นแบบโอเพ่นเพลย์ไม่ได้ติดต่อกันยาวนาน
หรืออย่างล่าสุดก็เป็นเรื่องของการโยนบอล ซึ่งในเกมเสมอกับฟูแล่ม 2-2 แมนฯยูไนเต็ดสร้างสถิติโยนบอลมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่ปี 2006 โดยโยนไปถึง 81 ครั้งด้วย ขณะที่ทีมคู่แข่งฟูแล่ม โยนบอลในเกมนี้เพียง 4 ครั้งเท่านั้น ที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือจาก 81 ครั้งของการโยนบอลของทีมผีแดง บอลเข้าถึงตัวของนักเตะทีมตนเองเพียงแค่ 18 ครั้งเท่านั้น คือบ่งบอกถึงคุณภาพการเล่นเกมรุกที่ไม่มีความแน่นอน และไร้ซึ่งความหลากหลายโดยสิ้นเชิง หรือจะบอกเป็นอีกนัยนึงว่าการมาของเดวิด มอยส์ส่งผลให้สไตล์การเล่นของยูไนเต็ดดูถดถอยลงก็ว่าได้ครับ แต่ก็นั่นแหละครับ สถิติเพียงนัดเดียวไม่อาจตัดสินแมนฯยูไนเต็ดยุคนี้ได้ทั้งหมดซะทีเดียว อยู่ที่สไตล์การเล่นในเกมต่อๆไปของพวกเขาด้วยว่าจะเป็นอย่างไร
คือหากว่าเกมต่อๆไปยังคงเป็นเหมือนเดิม เล่นแนวโยนบอล หรือครอสบอลก็น่าจะพอสรุปได้ว่าเดวิด มอยส์มีความพยายามจะเปลี่ยนแมนฯยูไนเต็ดให้เป็นบอลสไตล์ที่เขาทำแบบเอฟเอฟเวอร์ตัน ตามสไตล์ของทีมเล็กๆ ทีมกลาง ซึ่งจะไม่เน้นการต่อบอล สร้างเกม เจาะเกมตรงกลางเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่ ก็อาจเป็นเพราะว่าเดวิด มอยส์ใช้แทคติกดังกล่าวในเกมกับฟูแล่มเท่านั้น เรียกได้ว่ามาจากรูปเกม สกอร์ และสไตล์การเล่นอุดของทีมฟูแล่มด้วย แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ไม่ว่าสถิติการโยนบอลดังกล่าวของยูไนเต็ดจะมาจากอะไรก็ตาม สิ่งที่แน่ๆเลยว่ามันถดถอย และต้องได้รับการแก้ไขก็คือเรื่องของผลการแข่งขัน คือจนถึงตอนนี้ ผ่านปีใหม่มาเดือนกว่าแล้ว อีกทั้งได้ฮวน มาต้ามาเสริมทัพแล้ว ผลการแข่งขันแต่ละนัดที่ออกมาของยูไนเต็ดก็ยังไม่ได้ดูดีกว่าช่วงปีที่ผ่านมาเลย