พฤษภาคม 22, 2024, 12:07:11 AM

ผู้เขียน หัวข้อ: "วอลเตอร์ส" ซัดเบิ้ล~!! "สิงห์บลูส์" ทุบโหด "หม้อ" เยิน 4-0  (อ่าน 2636 ครั้ง)

888Bullets

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2127
    • ดูรายละเอียด
"สิงห์โตน้ำเงินคราม" เกมนี้สบายใจเลยเพราะนอกจากจะได้ 2 ประตูจาก "แลมพาร์ด" และ "อาซาร์" พวกเขาก็ยังมาได้อีก 2 ประตูจาก "วอลเตอร์ส" ที่ลงไปช่วยเกมรับแต่ดันโขกตัวเอง 2 ตุงแถมยังฝันร้ายต่อเนื่องยิงจุดโทษท้ายเกมไม่เข้า เหล่าสมุน "เบนิเตซ" เลยทุบแต้มไปซะ 4-0



พรีเมียร์ ลีก
วันเสาร์ที่ 12 มกราคม 2556
สโต๊ค ซิตี้ 0 - 4 เชลซี
สนาม บริทาเนีย สเตเดี๊ยม

           ออกสตาร์ทครึ่งแรก "สิงห์บลูส์" เป็นฝ่ายได้บุกก่อน แต่กลายเป็นว่าโอกาสในการทำประตูมาเป็นของฝั่งสโต๊คซะก่อน จากจังหวะที่สโต๊คบุกแล้วได้กดทางแถวสอง บอลแฉลบไปเข้าทางของโจนส์ที่แตะจังหวะแรกสวย ก่อนตามไปยิงทะแยงสวนเช็กที่พุ่งออกมาบล็อก แต่บอลมันหลุดกรอบออกไปนิดเดียว แฟนเกร็งลุ้นกันจนตะคริวกินดากกันเลย

ผ่าน 20 นาทีไป สโต๊คดูเล่นได้เข้าทีและเข้าท่ากว่าทางทีมเยือนที่ดูยังไม่เป็นเกมสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเน้นการทำเร็วสวนกลับเอา ด้านเจ้าบ้านก็กดดันได้เป็นพักๆ แม้ว่าจังหวะโยนยาวยังไม่เข้าเป้า แต่เข้ามาเหมือนไหร่เป้าตุงแน่

อีก 3 นาทีต่อมา นี่เป็นจังหวะสำคัญมากจริงๆ เพราะสโต๊คกำลังเล่นได้เยี่ยมแล้วโดนเชลซีสวนกลับต่อบอลกันจังหวะเดียวได้งาม ก่อนจิ้มหลุดถึงแลมพาร์ดที่เข้าไปเอี้ยวตัวแปเน้นๆในเขตโทษ เข้าชัวร์ แต่เบโกวิชบอก 'ไม่' เพราะเขาล้มตัวยื่นขาสกัดบอลเอาไว้ได้แบบหวุดหวิด แข้งทีมชาติอังกฤษถึงกับเกาหัวเพราะคิดว่าใส่สกอร์ได้แล้วเชียว

จริงๆแล้วปล่อยน่าจะได้ลุ้นมากกว่าสำหรับจังหวะที่สโต๊คได้ทำเกมสวนกลับหลังแย่งบอลมาจากผู้เล่นของเชลซี ก่อนที่จะจ่ายตัดสนามไปด้านหน้า มีโจนส์อยู่ตรงกลางจริง แต่เพื่อนรอทางขวาว่างโล่งอยู่ แต่โจนส์เลือกจะเกี่ยวบอลเอาไว้แล้วพลิกตัวยิงติดบล็อกกองหลังไปซะเลย

นาทีที่ 35 เป็นจังหวะที่สวยหมดเลย ตั้งแต่การจ่ายบอลโด่งข้ามไปข้างหน้าของแลมพาร์ด ก่อนบาจะโชว์เบียดกระแทกกองหลัง แล้วตวัดยิงด้วยซ้ายอย่างแกร่ง แต่เบโกวิชล้มตัวเซฟสวยไม่แพ้กัน แม้ว่าบอลจะเด้งเข้าทางรามิเรสที่วิ่งมาง้าง แต่ไม่ผ่านวิลกินสันที่สไลด์พุ่งเข้ามาทั้งตัวบล็อกจังหวะสุดท้ายได้เฉียบขาด

ช่วงท้ายครึ่งแรก ถ้ายังไม่เปลี่ยนออกนี่ครึ่งหลังเสี่ยงมากสำหรับวิลกินสัน เพราะเขาไปทำฟาวล์อาซาร์แบบเต็มๆจนโดนใบเหลือง ก่อนจะไปเกี่ยวแถวๆกลางสนามอีกดอก ซึ่งมันชัดทั้งสองจังหวะ ถ้าช่วงเวลาที่เหลือมีแบบนี้จังๆอีกก็อาจจะถึงใบเหลืองที่ 2 ได้เลย

นาทีสุดท้ายของการทดเวลา อะไรจะเป็นการพุ่งโหม่งที่สวยขนาดนี้สำหรับวอลเตอร์สที่อุตส่าห์ควบลงไปช่วยเกมรับ เพราะเห็นว่าลูกเปิดจากด้านข้างของอาซาร์มันกำลังจะหล่นใส่มาต้าที่เสาสอง เลยพุ่งตัวก่ะขวาง แต่กลายเป็นพุ่งเข้าไปโหม่งตอร์ปิโดแสกหน้าเบโกวิชซะงั้น เชลซีเลยได้ประตูขึ้นนำไปในช่วงเวลาสุดสำคัญก่อนหมดครึ่งแรก 1-0 ต้องมาดูกันอีกทีว่าครึ่งหลังเกมจะเปลี่ยนหน้าไปไหมกับสกอร์ที่ขยับปุบปับแบบนี้

             ลงสนามมาเจอกันต่อในช่วงครึ่งหลังนาทีที่ 51 เดชอีขวาต้องออกแรงอีกรอบสำหรับเบโกวิช เพราะเชลซีค่อยข้างคึก ลงมาครึ่งหลังได้ลุ้นก่อนจากจังหวะที่บาสายตาเยี่ยม จ่ายบอลย้อยกลับออกด้านข้างให้โคลที่เติมขึ้นมาได้กดด้วยซ้ายเต็มๆ บอลพุ่งหวังเบียดเสาน้อยๆให้เข้าไปซบตาข่าย แต่เบโกวิชล้มตัวใช้เท้าขวาสกัดไว้ได้อีกครั้ง

นาทีที่ 63 ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่านี่คือการทำเข้าประตูตัวเองอีกครั้งหนึงของวอลเตอร์สในเกมนี้ จากลูกเตะมุมที่เขาลงไปช่วยเกมรับ เบียดกับแลมพาร์ดพยายามจะโหม่งแต่หลับตาปี๋ สุดท้ายบอลหล่นใส่หัว กลายเป็นโขกเข้าประตูตัวเองเม็ดที่ 2 หน้าตาเฉย เชลซีสบายเลยนำ 2-0 ไม่ต้องยิงสักลูก

นาทีที่ 66 นี่เป็นวันของเขาโดยแท้จริงสำหรับแลมพาร์ดที่แม้ว่าต้นเกมจะตะกุกตะกักไปหน่อย แต่หลังจากนั้นเขาก็วางบอลสวยๆให้เพื่อนได้หลายครั้ง ก่อนจะจ่ายยาวให้มาต้าหลุดเข้าไปล้มได้จุดโทษอีก เจ้าตัวรับหน้าที่มาสังหารเองวิ่งเข้าซัดเต็มข้อบอลพุ่งตรงกลางอัดเต็มตาข่าย เบโกวิชหลงทางเงิบ เชลซีทิ้ง 3-0

อีก 4 นาทีต่อมา ถ้าไม่มีเบโกวิชนี่น่าจะแฮทริกไปแล้วสำหรับแลมพาร์ด เพราะเป็นอีกครั้งที่เขาได้หลุดเต็มๆจากการโหม่งชงให้ของบา แต่ลูกยิงเต็มตีนก็ดันไปติดเต็มตัวของเบโกวิชที่พุ่งบล็อกได้ซะอีก

นาทีที่ 71 ดูแล้วเหมือนจะรู้สึกไม่พอใจอยู่เล็กๆสำหรับตอร์เรสในตอนที่เขาถูกส่งตัวลงไปเล่นแทนบา อาจจะรู้สึกว่าเกมขาดแล้วค่อยส่งกูลงอะไรแบบนี้ หน้าบูดเป็นตูดเลย

อีก 2 นาทีต่อมา นี่เป็นประตูสุดสวยประจำสัปดาห์หรือประจำเดือนก็ว่ากันไปเลย เมื่ออาซาร์ได้บอลนอกกรอบเขตโทษ ระยะห่างพอสมควร แต่มันเข้าล็อกเข้าทางไม่มีตัวบล็อก พี่แกเลยตั้งป้อมก่อนอัดด้วยเท้าซ้ายเต็มตีน ส่งบอลพุ่งเป็นจรวด แหวกฝุ่นผงในอากาศเหินเข้าไปเสียบสามเหลี่ยม หมดปัญญาที่เบโกวิชจะติดตรัสไปเซฟได้ไหว เชลซีถล่มแหลก 4-0

นาทีที่ 79 กลับมายืนเป็นกัปตันทีมในแนวรับอีกครั้งสำหรับเทอร์รี่ที่ก่อนหน้านี้มีปัญหาบาดเจ็บพักไปนาน แต่ก็ถูกเปลี่ยนลงไปเคาะสนิมแทนที่ของมาต้า เรียกความฟิตและเสียงเฮจากแฟนๆกันไป

กลายเป็นว่าช่วงท้ายเทอร์รี่ที่คัมแบ็คกลับมาดันไปทำฟาวล์เสียจุดโทษ แต่มีดราม่ากว่านั้นเพราะวอลเตอร์สที่หวังแก้ตัวดันซัดข้ามคานหน้าตาเฉย ก่อนที่สุดท้ายจบ 90 นาที เชลซีถล่มเอาชนะสโต๊ค ซิตี้ไป 4-0 แซงหน้าสเปอร์สที่สะดุดเจ๊าขึ้นไปอยู่อันดับที่ 3 แทนด้วยการมี 40 คะแนน

www.888scoreonline.net นำเสนอ ผลฟุตบอล อัพเดทรวดเร็วทันใจ