เซร์คิโอ รามอสซัดประตูเบิกร่องให้ทีมก่อนที่โรนัลโด้จะใช้เวลา 10 นาทียิงคนเดียว 3 ตุงส่งให้"ราชันชุดขาว"เรอัล มาดริดไล่โขยกเคตาเฟ่มันส์เท้า 4-0 เก็บเพิ่มอีก 3 แต้มไล่จี้แอตเลติโก มาดริดเหลือ 4 แต้มแต่ยังห่างจากบาร์เซโลน่าถึง 12 คะแนน
ลา ลีกา
วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม 2556
เรอัล มาดริด 4-0 เคตาเฟ่
สนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เริ่มเกมมาในนาทีที่ 10 โรนัลโด้มีโอกาสส่องฟรีคิกระยะไกล 30 หลาหน้ากรอบเขตโทษด้านชวาซึ่งเจ้าตัวยิงแรงผ่านกำแพงบอลมุดไปที่เสาแรกทว่าโมญ่ายังพุ่งมาเซฟเอาไว้ได้
เจ้าบ้านได้ลุ้นอีกรอบในจังหวะที่ดิ มาเรียลองส่องไกล 30 หลาด้วยซ้ายข้างถนัดบอลไปโดนบล็อคของกองหลังทีมเยือนก่อนเปลี่ยนทางไปทางเสาไกลดีที่เฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียวเพราะโมญ่าหลงทางไปแล้ว
มาดริดน่าได้ประตูสุดๆในนาทีที่ 21 เมื่อโมดริชแทงทะลุช่องไปให้โรนัลโด้หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนจะล็อคหนึ่งจังหวะแล้วยิงเต็มข้อแต่บอลไปตรงตัวของโมญ่าที่ทุบออกมาได้แล้วยืนรอรับบอลที่กองหลังโหม่งกลับมาอีกทีหนึ่งรอดพ้นการเสียประตูไป
โอกาสยิงครั้งแรกของทีมเยือนเกิดขึ้นในนาทีที่ 24 เมื่อซาราเบียได้บอลยึกยักอยู่หน้าปากประตูก่อนยิงบดๆ บอลเข้ามุมประตูเสาแรกแต่อาดานยังผวาไปรับเอาไว้ไม่พลาด
มาดริดจะโดนยิงอีกครั้งเมื่อดีเอโก้ คาสโตรพยายามฉวยโอกาสพุ่งโขกจากการสกัดบอลไม่ดีของโคเอนเตราจากระยะราว 10 หลาโชคยังดีที่อาดานปักหลักอยู่ตรงนั้นรับเข้าซองเอาไว้ได้
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงมาดริดขึ้นเกมอย่างสวยในจังหวะโต้กลับเริ่มจากโอซิลลากบอลมากลางสนามก่อนแทงไปด้านซ้ายให้โรนัลโด้ไหลต่อไปถึงอิกวาอินในกรอบเขตโทษด้านซ้ายโดยดาวยิงอาร์เจนไตน์ตวัดกลับมาให้โอซิลได้ยิงตรงจุดโทษพอดิบพอดีแต่อนิจจาบอลยังไปตรงตัวของโมญ่าเหมือนมีแม่เหล็กมาดูดเอาไว้
ก่อนหมดเวลา 2 นาทีมาดริดโหมบุกขึ้นมาอีกครั้งและเป็นโคเอนเตราที่แตะไปให้โมดริชพักอกก่อนหนึ่งจังหวะแล้วเอี้ยวตัววอลเล่ย์ด้วยเท้าซ้ายชนิดเต็มข้อทว่าบอลแรงเหินข้ามคานออกไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด
เริ่มเกมครึ่งหลังมาผลัดกันแลกสนุกทีเดียวโดยเคตาเฟ่มีโอกาสจากจังหวะขึ้นเกมมาทางริมเส้นด้านซ้ายซึ่งจังหวะสุดท้ายคาสโตรลากบอลไปยิงตรงสุดเส้นหลังแต่โคเอนเตราตามมาบล็อคออกหลังไป
มาดริดน่าจะได้ขึ้นนำแบบสุดๆแล้วเมื่อเคดิร่าตะบันไกลกว่า 30 หลาโมญ่าบินไปปัดเอาไว้ได้ก่อนแต่ตรงนั้นมีโคเอนเตราตามปรี่เข้ามาซ้ำโมญ่าก็ยังตามไปเซฟเอาไว้ได้อีกแบบสุดเหลือเชื่อ
เซฟมาตลอดแต่โมญ่ากลับมาพลาดลูกง่ายๆในจังหวะเตะมุมนาทีที่ 53 เมื่อเขาออกมาปะทะกับคาร์วัลโญ่ทำให้บอลหลุดมือไปตกอยู่หน้ารามอสที่บรรจงจิ้มบอลไปตุงตาข่ายไม่เหลือซาก
นาทีที่ 58 โอซิลได้บอลหลุดเดี่ยวมานอกเขตโทษด้านซ้ายก่อนตักไปให้อิกวาอินที่ยืนโล่งอยู่หน้าปากประตูทว่าหัวหอกอาร์เจนไตน์กลับโหม่งไม่ตรงกรอบแบบน่าเสียดาย
มาดริดมาขึ้นนำ 2-0 จนได้ในนาทีที่ 62 เมื่อโอซิลได้บอลจังหวะโต้กลับวิ่งขึ้นมาคู่กับโรนัลโด้ก่อนจ่ายให้ปีกจอมถล่มตาข่ายหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายซึ่งเมื่อบอลมาแบบนี้โรนัลโด้ก็ไม่พลาดปาดบอลไปเข้าหน้าต่ายเสาไกลหมดปัญญาที่โมญ่าจะเซฟ
ทำท่าจะหบุดไม่อยู่แล้วสำหรับเคตาเฟ่เมื่อพวกเขามาเสียประตูที่ 3 จนได้จากจังหวะทำชิ่งสวยของโอซิล-ดิมาเรียและโรนัลโด้ก่อนที่ดิ มาเรียจะชิพบอลไปตรงเสาไกลให้"เจ็ทโด้"พุ่งโขกกดลงพื้นโล่งๆไม่เหลือซากในนาทีที่ 65
ถัดมานาทีเดียวเคตาเฟ่เกือบได้บ้างเมื่อคาสโตรได้ยิงนอกกรอบเขตโทษบอลพุ่งไปตรงสามเหลี่ยมเสาซ้ายมือแล้วทว่ารามอสยังกระโดดโหม่งสุดตัวเคลียร์ทิ้งออกไป
มาถึงนาทีที่ 72 เคตาเฟ่มาเสียจุดโทษในจังหวะที่เคดิร่าโยนบอลไปให้โมดริชหน้าประตูทว่าเขากลับโดนโลโปมากระแทกจากด้านหลังกรรมการเป่าเป็นลูกฟาวล์ทันที
โรนัลโด้รับหน้าที่สังหารไม่พลาดยิงบอลเลียดไปทางซ้ายมือของตัวเองแม้โมญ่าจะพุ่งถึงแต่ก็ไม่ทันทำให้มาดริดนำห่าง 4-0
ก่อนหมดเวลา 1 นาทีมาดริดเกือบได้อีกหนึ่งประตูจากฟรีคิกกลางประตูของดิ มาเรียแต่เขากลับปั่นอ้อมกำแพงไปไม่ไกลตัวของโมญ่าที่ทุบบอลออกหลังไปก่อนจบเกมที่มาดริดคว้า 3 แต้มได้สำเร็จแถมยังทำได้ถึง 9 ประตูจาก 2 เกมล่าสุดอีกทั้งยังไม่เสียความบริสุทธิ์ด้วยก่อนที่จะเจอกับบาร์เซโลน่าในเกมโกปา เดล เรย์รอบรองชนะเลิศกลางสัปดาห์นี้