แม้ว่า "เจ้าสัว" ฟูแล่ม จะขาดความคมในการเล่นไปหน่อยในเกมนี้ แต่พวกเขาก็ได้แข้งศิลปินอย่าง "เบอร์บาตอฟ" ที่จัดการวอลเล่ย์ประตูชัยสุดสวยเสียบสามเหลี่ยมก่อนจบครึ่งแรก เอาชนะ "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี้ที่วอลเตอร์สพลาดจุดโทษไปด้วยสกอร์ 1-0 มีเพิ่มเป็น 32 คะแนนขึ้นไปอยู่ที่ 11 บนตาราง
พรีเมียร์ ลีก
วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2556
ฟูแล่ม 1 - 0 สโต๊ค ซิตี้
สนาม คราเวน ค็อจเทจ เริ่มมาในช่วงแรกในนาทีที่ 11 ก่ะเนียนแต่ไม่ได้ใกล้เคียงเลยสำหรับรุยซ์ในจังหวะเล่นลูกตั้งเตะของฟูแล่มที่โยนยาวไปเสาสอง บอลมันเด้งพื้นก่อนจังหวะหนึงทำให้ลอยขึ้นสุงเกินกว่าที่รุยซ์จะเข้าเทคทันเลยใช้มือสะกัดให้เข้าประตูไปซะ แต่ไม่รอดพ้นสายตาผู้ตัดสินที่มองจ้องอยู่ นอกจากไม่ให้ประตูแล้วยังแจกใบเหลืองไปด้วยเลย
อีก 3 นาทีต่อมา ถึงแตกเลยทีเดียวสำหรับเอ็นซองซี่ในจังหวะเบียดขึ้นโหม่งกับเบอร์บาตอฟแล้วเจอศอกหอกศิลปินเข้าไปตรงสันดั้งจนต้องลงไปนั่งปฐมพยาบาลก่อนยกใหญ่ ก่อนเจ้าตัวลุกขึ้นโวยวายยั๊วะที่แฟนบอลเจ้าบ้านคิดว่าสำออย ที่ไหนได้จมูกปูดเป็นลูกมะนาว
มันน่าแดงจริงๆสำหรับจังหวะนี้ของเอ็นซองซี่ที่ธาตุไฟแตกไปแล้ว หลังโดนศอกบวกฉุนแฟนเจ้าบ้าน เลยไปเอาคืนใส่รุยซ์ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วยการใช้มือปัดกระแทกเข้าที่หน้าแบบจงใจสุดๆ แต่ผู้ตัดสินเห็นว่าไม่หนักหนามากหรือยังไงเลยให้แค่ใบเหลืองเท่านั้น
ผ่านครึ่งชั่วโมงแรกไป โอกาสโดยมากเป็นของฟูแล่มที่ได้ครองบอลบุกเยอะกว่าตามฟอร์มที่เล่นในบ้าน แต่ยังไม่ผ่านมือของเบโกวิชที่เซฟเยี่ยมไม่เปลี่ยนไม่ว่าจะยิงเฉยๆหรือเล่นลูกฟรีคิกมาก็ตาม
แม้ว่าเจ้าบ้านจะได้ครองบอลบุกมากกว่า แต่คงต้องบอกเลยว่าจังหวะสุดท้ายขาดความเฉียบคมกันไปมาก มีหลายครั้งที่รุยซ์เลือกเล่นเองหรือออกบอลช้าไปหน่อย ทำให้การหาช่องเจาะยากยิ่งขึ้นไปอีก
นาทีสุดท้ายของการทดเวลาครึ่งหลัง นี่คือความแตกต่างของคุณภาพนักเตะโดยสิ้นเชิง เมื่อเบอร์บาตอฟมาทำประตูสุดคลาสให้กับเจ้าบ้านได้ จากจังหวะบอมบ์เข้ากรอบเขตโทษที่กองหลังสโต๊คโหม่งออกมาไม่สุด บอลเจ้าทางเบอร์บาตอฟที่ไม่ต้องคิดมากจัดการวอลเล่ย์เต็มข้อ บอลพุ่งติดไซด์ก่อนจะแสกหน้าเบโกวิชเข้าไปเสียบสามเหลี่ยม ฟูแล่มทำสำเร็จขึ้นนำ 1-0 พร้อมกับการจบ 45 นาทีแรกลงไปเลย
ลงสนามมาในชวงครึ่งหลังเล่นกันมาแค่ 4 นาที แต่ทีมเยือนเกือบจะได้ประตูตีเสมอจากความผิดพลาดของแนวรับที่ไปประมาทคิดจะบังบอลแต่เสียเหลี่ยมให้กับเคร้าซ์ที่เบียดอ้อมไปฉกบอลได้ แต่ต้องชมชวาร์เซอร์ที่พุ่งออกมาบล็อกลูกยิงของดาวเตะเสาไฟฟ้าอย่างยอดเยี่ยม ไม่งั้นล่ะเสมอแน่นอน
นาทีที่ 56 สุดยอดเลยจริงๆสำหรับชวาร์เซอร์ที่ก่อนหน้านี้เซฟจังๆมาดอกแล้ว เขาก็ช่วยให้ทีมรอดพ้นจากการเสียประตูอีกรอบเมื่อทีมเสียจุดโทษ โดยสโต๊ควางให้วอลเตอร์สที่แม้ว่าหลังๆจะยิงพลาดแต่ก็ได้เป็นคนสังหาร ซึ่งก็ชัดเลยเพราะเขาโดนชวาร์เซอร์อ่านทางออกก่อนพุ่งบินไปปัดเอาไว้ แล้วตามคว้าเข้ามาอกอีกรอบ
อีก 3 นาทีต่อมา โชว์จังหวะเซฟบ้างเลยสำหรับเบโกวิช ซึ่งจริงๆแล้วหลายคนคงอยากให้เข้าประตูไป เพราะเบอร์บาตอฟประสานงานกับรุยซ์ได้ดี ก่อนที่หอกศิลปินจะได้ยืนตั้งป้อมวอลเล่ย์ด้วยซ้ายแบบจะๆในเขตโทษ บอลพุ่งเลียดทิศทางและน้ำหนักได้ แต่เบโกวิชก็บินไปล้มตัวเซฟเอาไว้ได้ทัน เกมนี้นายด่านทั้งสองฝ่ายเยี่ยมไม่แพ้กันเลย
เข้าช่วง 20 นาทีสุดท้าย เกมของสโต๊คตั้งแต่พลาดจุดโทษก็เหมือนชักกะตุกไป เพราะกลายเป็นฟูแล่มที่กลับมาครองบอลได้เยอะเหมือนในครึ่งแรก
นาทีที่ 77 แม้ว่าจะบุกเป็นพายุทอร์นาโด แต่ฟูแล่มก็ยังไม่ได้ประตูนำห่างสักที โดยเฉพาะจังหวะที่เบอร์บาตอฟไปสะดุดในเขตโทษ แม้ว่าซิดเวลล์จะตามเก็บตกบอลได้ แต่จังหวะยิงก็ดันลื่น บอลพุ่งหลุดแฉลบหลุดกรอบออกไปอีก
ช่วงเวลาที่เหลือก้มีแลกหมัดกันไปสักนิดสักหน่อย แต่ไม่มีอะไรที่มันเปรี้ยงปร้างให้ได้เห็น ก่อนที่จะจบ 90 นาทีฟูแล่มเป็นฝ่ายเฉือนเอาชนะไปด้วยประตูชัยของเบอร์บาตอฟ 1-0 กลับมาชนะได้สักที หลังจากควานหามา 2 เกมติด
ด้านสโต๊คนั้นหยุดอยุ่ที่ 10 เท่าเดิม มี 33 คะแนนและแพ้เป็นเกมที่ 8 ในซีซั่นนี้แล้ว
