"ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ เกมนี้โชว์ฮึดได้อย่างสวยงามเมื่อโดน "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำก่อนตั้งแต่ 5 นาทีแรก สุดท้ายมาได้ 3 ประตูรวดช่วงท้ายจาก "เด็มป์ซี่ย์, เดโฟและเบล" ปาดหน้าชนะไป 3-1 มีเพิ่มเป็น 61 คะแนนยังอยู่ที่ 4 และการแย่งแชมป์จะจบลงทันทีเพียง "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ 3 คะแนนเหนือ "แอสตัน วิลล่า" ในวันจันทร์นี้
พรีเมียร์ ลีก
วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2556
ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 3 - 1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
สนาม ไวท์ ฮาร์ท เลน เข้าสู่ช่วงแรกเล่นกันมาได้แค่ 5 นาที ทำเอาเงียบกันทั้งสนามเลยสำหรับจังหวะนี้ของเตเบซที่ลากบอลจี้ใส่แฟร์ทองเก้น ก่อนที่จะล็อกหลอกไปมาไม่ยอมเสียบอลง่ายๆ ที่มุมธง แล้วไหลเข้ากลางตัดหลังผู้เล่นเจ้าบ้านง่ายดาย มิลเนอร์เข้าเอาบอลก่อนที่จะตวัดเปิดย้อนหลังไปให้กับนาสรี่ที่รอเสาสองตั้งเท้าแปจังหวะแรกทันทีไม่ต้องจับ บอลพุ่งเข้าไปเสียบเสาแรกคมจริงอะไรจริง เพราะถ้าไม่เข้าตรงนั้นมีตัวยืนบนเส้นสกัดได้แน่ แมนฯซิตี้นำอย่างว่อง 1-0
นาทีที่ 8 อาจจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ดูจากภาพช้าแล้วถึงหักได้เลยสำหรับจังหวะนี้ที่นาสรี่ไปเข้าบอลช้าใส่วอล์คเกอร์ที่หวดบอลออกไปแล้ว ก่อนจะโดนสตั๊ดของแข้งเลือดเฟร้นช์เฉือนเอาที่หน้าแข้งเต็มๆจนต้องลงไปนอนให้ทีมแพทย์มาปฐมพยาบาล แต่สุดท้ายก็กลับมาเล่นต่อได้
นาทีที่ 21 มีโอกาสได้ลุ้นประตูเอาคืนแบบจังๆบ้างสำหรับสเปอร์ส เด็มป์ซี่ย์พลิกบอลนอกกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะแทงทะลุช่องไปให้กับวอล์คเกอร์ที่เติมขึ้นมาได้สวย จับบอลดีแล้ว แต่เหมือนจะมองหาเพื่อนก่อน จังหวะเลยไหลเกินไปอีก ทำให้ตอนตัดสินใจยิง ฮาร์ทก็พุ่งมาอยู่ตรงหน้า บล็อกเอาไว้ได้เต็มๆเลย
นาทีที่ 28 เกมรุกของแมนฯซิตี้ต่อบอลกันเนียนตาได้ใจสุดๆ เตเบซแตะชิ่งให้นาสรี่วิ่งไปเอาบบอล ก่อนจะเกี่ยวหลอกกองหลังที่พยายามเข้ามากัน แล้วจิ้มสวนตัวของญอริส เสียดายอย่างเดียวบอลมันพุ่งเบี้ยวหลุดเสาไกลออกไป
จะว่าไปก็ดูยากพอสมควรเลยกับจังหวะนี้ที่ดอว์สันเติมขึ้นไปเล่นลูกโหม่งในเขตโทษของแมนฯซิตี้ โหดยัดเข้าไปกลาง แบร์รี่พยายามสกัดบอลแต่กลายเป็นมันลอยปั่นสูงขึ้นมาโดนมือของเขา ถึงอย่างนั้นผู้ตัดสินก็ไม่ได้ว่าอะไร
แม้ว่ามาตรฐานของทีมจะดูอ่อนกว่าสักหน่อย แต่เล่นในบ้านทั้งทีสเปอร์สเองไม่มีท่าทีว่าจะยอมแน่นอนอยู่แล้ว พวกเขาพยายามที่จะปั้นเกมเพื่อเอาประตูคืนให้ได้ แต่แมนฯซิตี้ก็ยืนกันได้ดี แถมเกมสวนกลับก็อันตรายสุดๆอยู่แล้วด้วย
เดินทางมาถึงช่วง 10 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก โบอาสนั่งเครียดอยู่ข้างสนามเลย เพราะแม้ว่าลูกทีมของเขาจะได้ครองบอลมากกว่าในช่วงที่ผ่านมา แต่กลับไม่สามารถเข้าไปกดดันในพื้นที่สุดท้ายของแมนฯซิตี้ได้อย่างจริงจัง อาจจะแค่หวาดเสียวแต่บอกเลย่วายังไม่เกินมือของบรรดาแนวรับ 'เรือใบ'
ก่อนหมดเวลา 2 นาที ขึ้นคนเดียวแบบนี้ต่ำๆก็น่าจะต้องตรงกรอบสำหรับเด็มป์ซี่ย์ที่สลัดตัวประกบ ขยับเทคโขกลูกปั่นของซิเกิร์ดสสันจากการเตะมุมมาเสาแรก แต่เหมือนงัดใต้บอลเกิน เลยหลุดคานออกไปไกลพอสมควร
ก่อนหมดเวลาสเปอร์สเกือบจะได้ประตูตีเสมอคืนอยู่แล้ว จากจังหวะที่วอล์คเกอร์ลากบอลขึ้นไปครอสสุดเส้น อเดบายอร์พุ่งเข้าไปเสาแรกตอกส้นกลับให้ซิเกิร์ดสสันที่เติมมาตรงกลางยิงทันที แต่มีซาบาเลต้าเข้ามาบล็อกเอาไว้ซะก่อน
จบ 45 นาทีแรก เลยยังเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่นำอยู่ 1-0 แต่เกมเป็นของสเปอร์สซะส่วนมาก ก็ต้องดูว่าช่วงเวลาที่เหลือเจ้าบ้านจะตามตีเสมอได้หรือไม่
ต่อมาในช่วงครึ่งหลังเกมรุกของ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังดูเฉียบขาดและดุดันมากกว่าทางเจ้าบ้านพอสมควร แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นได้จบสกอร์ แต่การผ่านบอลสุดท้ายนี่คือถ้าผ่านได้แล้วก็ใส่พานทองรอยิงเท่านั้น
นาทีที่ 61 เหมือนจะน่วมๆหรือยังไงไม่รู้ แต่สเปอร์สก็เปลี่ยนเอาปาร์คเกอร์ที่เพิ่งโดนอัดหนักออกไปจากสนาม แล้วส่งฮัดเดิ้ลสตันลงไปเล่นแทน เกมรับอาจจะไม่สู้ แต่จังหวะวางบอลแม่นๆล่ะหวังได้
สกัดไม่ดีทางแมนฯซิตี้พร้อมลงโทษตลอดแน่นอนอยู่แล้วสำหรับสเปอร์สที่กองหลังพยายามจะหวดบอลให้พ้นหน้าประตู แต่มันไม่ไปไหน แถมยังเด้งเข้าทางตูเร่ที่วิ่งมาบวกตูมเดียว ยังดีที่ตรงตัวของญอริส ล้มรับเอาไว้ได้แน่นหนา
นาทีที่ 71 อันนี้ต้องจัดอย่างเดียวเท่านั้นหากหวังมีคะแนน สำหรับสเปอร์สที่ส่งตัวเดโฟลงสนาม แม้ว่าสภาพร่างกายจะไม่เต็มที่เท่าไหร่ แต่ความคมของเขาเฉียบอย่าบอกใครเลย
นาทีที่ 75 หลังจากพยายามอยู่นาน สุดท้ายแล้วสเปอร์สก็สมหวังเสียที เมื่อพวกเขามาได้ประตูตีเสมอจากจังหวะที่เบลได้บอลทางด้านข้าง ก่อนที่จะเปิดเลียดแบบปั่นไซด์เข้าไปตรงกลาง กองหลังของแมนฯซิตี้เสียจังหวะเลยไม่ได้สกัด กลายเป็นบอลไหลถึงเด็มป์ซี่ย์ที่เข้าชาร์จไม่มีเหลือ เกมเสมอกัน 1-1
ตอนนี้ได้ประตูตีเสมอแล้วกลายเป็นว่าสเปอร์สน่าจะมองถึง 3 คะแนนเลยทีเดียว เพราะพวกเขาเดินเกมใส่แมนฯซิตี้แบบไม่มีเกรง แม้ว่าจะโดนสวนบ้าง แต่ก็ยังพยายามกันเอาไว้ได้อยู่ เกมนี้อาจไม่หยุดแค่ที่เสมอก็ได้
นาทีที่ 79 เชื่อถือได้จริงๆสำหรับความคมของเขาคนนี้ เมื่อเดโฟจัดการกระชากพาบอลที่เพื่อนแทงทะลุช่องมาให้ได้ ก่อนที่จะล็อกบอลแตะเข้าในแล้วจัดการกดสูตรปั่นด้วยขวาตามถนัด บอลพุ่งติดจรวดโค้งหนีมือของฮาร์ทไปเสียบเสาสองสุดสวย "ไก่เดือยทอง" พลิกนำอลัง 2-1
อีกเพียงแค่ 2 นาทีต่อมา เปลี่ยนเกมไปอย่างสิ้นเชิงเลยสำหรับสเปอร์สที่นอกจากจะได้ประตูพลิกขึ้นนำแล้ว พวกเขาก็มาได้ประตูนำห่างจากเบลที่วิ่งทะลุช่องเหมือนกับลูกที่เดโฟได้เปี๊ยบเพราะกองหลังยืนกันอย่างหลวม ก่อนจะหลุดเข้าไปยิงจิ้มแบบตักๆสวนตัวฮาร์ทเข้าประตูไป สเปอร์สนำ 3-1 ตอนนี้ 3 คะแนนอยู่ในมือแล้วแน่นอน
ช่วงท้ายเกมแม้ว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้จะพยายามลุยแค่ไหนพวกเขาก็ไม่สามารถไล่เพื่อมีความหวังในการกลับมาได้ จบ 90 นาทีเป็นท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์สที่พลิกกลับมาได้ในช่วงท้ายเกมเอาชนะไป 3-1 ทำให้พวกเขามีคะแนนเพิ่มเป็น 61 แต้ม แต่ยังอยุ่ที่ 4 เหมือนเดิม ส่วนแมนเชสเตอร์ ซิตี้นั้นความหวังของพวกเขาจะจบลงทันทีในการลุ้นแชมป์ หากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเอาชนะแอสตัน วิลล่าได้ในเกมวันจันทร์นี้