ไม่มีคำว่าปาฏิหาริย์สำหรับ"ราชันชุดขาว"เรอัล มาดริดที่ต้องร่วงตกรอบตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ ลีก 3 ปีติดต่อกันแม้เปิดบ้านอัด"เสือเหลือง"โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2-0 จากลูกยิงท้ายเกมของเบนเซม่ากับรามอสแต่ก็ไม่พอทำให้ต้องตกรอบด้วยสกอร์รวม 4-3
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกรอบรองชนะเลิศ นัดสอง
วันอังคารที่ 30 เมษายน 2556
เรอัล มาดริด 2-0 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
(โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 4-3 )
สนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เข้าสู่ช่วงแรกของเกมดูเหมือนว่าโอกาสทองของ "ชุดขาว" ที่จะได้ประตูขึ้นนำก่อนเลยมีขึ้นในนาทีที่ 5 เมื่ออิกวาอินรับบอลทะลุช่องของโอซิลหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแต่จังหวะยิงไปติดเท้าของไวเดลเฟลเลอร์นิดเดียว
ดอร์ทมุนด์มีจังหวะยิงเหมือนกันในาทีที่ 13 เมื่อได้ลูกฟรีคิกแล้วบอลเลยมาถึงเลวานดอฟสกี้ที่พักอกก่อนหนึ่งจังหวะแล้วตวัดด้วยขวาแต่บอลไปตรงตัวของโลเปซ
แฟนเจ้าบ้านได้ครางฮือเมื่อมาดริดโต้กลับทันควันและได้ยิงอีกครั้งจากโรนัลโด้ที่พักอกก่อนหนึ่งจังหวะแล้วเอี้ยวตัววอลเล่ย์บริเวณกรอบ 6 หลาแต่คราวนี้ก็ยังไปตรงตัวของไวเดนเฟลเลอร์เหมือนเดิม
ถัดจากนั้นนิดเดียวโอซิลได้บอลหลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแต่จังหวะยิงกลับเลือกส่องไปที่เสาใกล้หลุดออกไปอย่างน่าเสียดายทั้งที่เสาสองมีโรนัลโด้ยืนว่างโล่งๆอยู่แล้ว
"เสือเหลือง"ต้องเปลี่ยนตัวเร็วเลยในนาทีที่ 15 เมื่อเกิทเซ่มีอาการบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหวทำให้คล็อปป์ต้องส่งโกรสครอยต์ซลงสนามมาแทน
เกมผ่านไปครบ 30 นาทีโอกาสของมาดริดลดน้อยลงเรื่อยๆ แม้พวกเขาจะเป็นฝ่ายครองเกมบุกมากกว่าแต่จังหวะยิงเหมาะเหม็งกลับไม่ได้เห็นกันเลย
นาทีที่ 40 ดอร์ทมุนด์มีจังหวะส่องไกบ้างเมื่อโกรสครอยต์ซหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแต่จังหวะตวัดยิงบอลนั้นทำได้ไม่ดีบอลเบาไปเยอะเลยทำให้ไม่มีอันตรายอะไรทั้งปวง
ต่อมาในช่วงครึ่งหลังของเกมกลับเป็นทางฝั่งของดอร์ทมุนด์ได้ลุ้นก่อนเมื่อเติมเกมขึ้นมาทางกราบซ้ายก่อนที่เลวานดอฟสกี้ได้บอลโล่งๆในกรอบเขตโทษแต่เจ้าตัวดันแปบอลไม่ดีเหินข้ามคานออกไปเยอะ
"เสือเหลือง"น่าได้ประตูเหลือเกินจากจังหวะโต้กลับรอยส์แทงไปให้เลวานดอฟสกี้ที่เติมขึ้นมาแล้วเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาดาวยิงโปลตะบันเต็มเหนี่ยวบอลผ่านโลเปซไปแล้วแต่ไปชนคานแล้วกระเด้งลงมาตรงเส้นประตูพอดีทำให้ไม่ได้ประตูอย่างน่าเสียดาย
มูรินโญ่เห็นเกมยังไม่ดีขึ้นเลยถอนโคเอนเทราออกจากสนามแล้วส่งกาก้าลงไปทำเกมขณะที่อิกวาอินที่พลาดหลายครั้งในเกมนี้ก็โดนเปลี่ยนออกให้เบนเซม่าลงไปลุ้นยิงบ้าง
นาทีที่ 62 มาดริดต้องขอบคุณโลเปซเลยเมื่อเขางัดลูกเซฟสุดยอดช่วยไม่ให้ทีมเสียประตูเมื่อรอยส์รับของโขกตั้งของเลวานดอฟสกี้เข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแล้วป้ายกลับมาเสาสองให้กุนโดกานยิงคนเดียวแต่ไปติดเซฟของโลเปซที่กลับมาจากเสาแรกแบบสุดเหลือเชื่อ
มาดริดพยายามต่อบอลขึ้นมาหวังเบิกลูกแรกให้ได้ก่อนโดยดิ มาเรียพยายามแทงบอลยัดเข้าไปหน้าปากประตูแต่ก็ไม่มีเพื่อนวิ่งเข้ามาชาร์จทำให้บอลหลุดเสาไกลออกไป
นาทีที่ 70 กาก้าพยายามต่อบอลไปให้โรนัลโด้ได้จิ้มด้วยหัวเกือกตรงกรอบเขตโทษพอดิบพอดีแต่บอลมันไม่มุดลงทำให้ข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
ดอร์ทมุนด์มีโอกาสสวนขึ้นมาอีกครั้งในนาทีที่ 75 โดยรอยส์ลากบอลเข้าไปถึงกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วจิ้มต่อมาให้เลวานดอฟสกี้ได้ยิงบริเวณจุดโทษทว่ายังมีเอสเซียงที่พุ่งมาบล็อคเอาไว้
เจ้าบ้านมาได้ประตูที่ต้องการในนาทีที่ 82 กาก้าเติมขึ้นมากลางประตูแล้วแทงไปให้โอซิลที่วิ่งเข้ามาในกรอบเขตโทษด้านขวาปาดเข้ากลางให้เบนเซม่าเข้าฮอร์สไม่เหลือซากทำให้มาดริดต้องการอีก 2 ประตูเท่านั้น
ท้ายเกมมาดริดบุกหนักเหลือเกินและเบนเซม่าได้ยิงไกลจากนอกกรอบแต่คราวนี้ไวเดนเฟลเลอร์ไม่พลาดบินปิดข้ามคานออกมาได้
ในจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุมนั้นรามอสได้จังหวะอัดเต็มข้อในกรอบเขตโทษบอลทะลุผ่านกองหลังของดอร์มุนด์ทั้งหมดเสยเพดานตาข่ายเข้าไปอย่างสวยงามทำให้ตอนนี้เจ้าบ้านต้องการอีกลูกเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ดีท้ายที่สุดแล้วมาดริดก็ไล่ไม่ทันทำให้พวกเขาตกรอบด้วยสกอร์รวม 4-3 และนับเป็นการร่วงตกรอบนี้ 3 ปีติดต่อกันขณะที่ดอร์ทมุนด์เข้าถึงรอบชิงดำเป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ของสโมสรต่อจากปี 1997 ที่พวกเขาคว้าแชมป์