พฤษภาคม 06, 2024, 02:40:05 PM

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Reporter

หน้า: 1 ... 62 63 [64] 65 66 ... 68
946
       เผชิญกับฟอร์มการเล่นอันสุดห่วยไปสองนัดติด ทีนี้ก็ถึงคราวที่โจเซ่ มูริญโญ่ ผู้จัดการทีมสิงห์บูล เชลซีต้องเริ่มมีมาตรการในการจัดการกับปัญหาฟอร์มการเล่นของลูกทีมซะแล้ว ซึ่งมาตรการแรกที่เราเริ่มได้เห็นโจเซ่ มูริญโญ่นำมาใช้นั่นก็คือการพูดคุยถกปัญหากับนักเตะแต่ละราย โดยว่ากันว่าโจเซ่ได้มีการเรียกนักเตะทั้งหมดของทีมเข้าประชุมที่สนามซ้อมค็อบแฮมและถามไถ่เหตุผลว่าทำไมฟอร์มการเล่นในนัดที่แพ้บาเซิ่ลถึงเป็นอย่างนั้น

       อย่างไรก็ตามการสอบถามหาเหตุผลของมูริญโญ่นั้นก็เพื่อที่จะนำมาซึ่งการปรับปรุงให้ฟอร์มการเล่นของนักเตะเชลซีทุกคนออกดีที่สุดในโปรแกรมถัดไปของทีมเชลซี และทั้งนี้นักเตะเชลซีทุกคนก็ยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่ดี ไม่ได้มีใครรู้สึกว่าแตกแยก หรือรู้สึกว่าเริ่มไม่เชื่อมั่นในการทำงานของมูริญโญ่เหมือนในสมัยที่โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอคุมทีม ซึ่งคราวนั้นแฟนเชลซีจำได้ดีว่าจะมีนักเตะกลุ่มนึงที่แตกออกมาและไม่สนับสนุนการทำงานของดิ มัตเตโอ ในขณะที่นักเตะอีกกลุ่มยังคงให้การสนับสนุนการทำงานของดิมัตเตโอต่อไป แต่กระนั้นความประทับใจที่ดิมัตเตโอทำไว้ก็มีมากพอที่จะทำให้แฟนบอลสิงห์บูลบางกลุ่มยกย่องเขาเยี่ยงฮีโร่ของทีมคนนึง เพราะเขาเป็นผู้จัดการทีมที่นำทัพสิงห์บูลผงาดคว้าแชมป์ยุโรปใบใหญ่มาครองได้สำเร็จ

       ส่วนวนกลับมาในเคสปัจจุบัน ที่เป็นการทำงานของมูริญโญ่นี้ก็ต้องบอกว่าเวลานี้ยังถือว่ามูริญโญ่นั้นเป็นผู้จัดการทีมที่โชคดี ที่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากแบบนี้เขายังคงได้รับความไว้วางใจจากบรรดานักเตะในทีม รวมถึงแฟนบอลของทีมสิงห์บูลด้วย และก็ไม่แน่ว่าความโชคดีนี้ของมูริญโญ่อาจจะเป็นส่วนช่วยสำคัญที่ทำให้เขากลับมานำทีมเชลซีให้โชว์ฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมได้อีกครั้ง เหมือนกับสมัยที่เขาคุมทีมเชลซีคำรบแรก

947
ข่าวฟุตบอล / "โอซิล" ฟอร์มตกซะแล้ว?
« เมื่อ: กันยายน 21, 2013, 08:07:51 PM »
       ย้ายจากทีมราชันชุดขาว รีล มาดริด มาอยู่กับไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล “เมซุส โอซิล” เพลย์เมกเกอร์ระดับโลกก็ได้ลงเล่นเป็นกำลังหลักให้กับทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อลในทันที ซึ่งในเกมแรกที่เจ้าตัวลงเล่นเจ้าตัวก็ประเดิมฟอร์มหรูด้วยการจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูช่วยให้ทีมเอาชนะคู่แข่งในลีกเก็บสามแต้มสำคัญไปได้ ต่อมาในเกมยุโรปที่อาร์เซน่อลต้องพบกับทางด้านโอลิมปิก มาร์กเซย โอซิลก็ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงต่อเนื่อง แต่ทว่าในส่วนของฟอร์มการเล่นไม่รู้จะเรียกได้ว่าเป็นฟอร์มการเล่นที่ตกลงอย่างรวดเร็วหรือเปล่า

       เพราะเมื่อมาเช็คคะแนนหลังเกมที่เมซุส โอซิลได้รับจากเลกิ๊ป ซึ่งเป็นสื่อกีฬาชื่อดังแดนน้ำหอมกลับพบว่าเจ้าตัวได้รับคะแนนเพียงแค่ 4 คะแนนเท่านั้นคือไม่ถึงครึ่งเลย และจากจำนวนนักเตะในสนามของอาร์เซน่อลทั้งหมดถือว่าเขาเป็นคนที่มีคะแนนน้อยที่สุดเคียงข้างกับแจ็ค วิลเชียร์ดาวรุ่งของทีมที่ก็ได้รับเพียงแค่ 4 คะแนนเท่ากัน ส่วนนักเตะที่เลกิ๊ปยกให้เป็นแมทออฟเดอะแมท ได้คะแนนเยอะสุดในเกมนี้คือ คีแรน กิ๊บบส์ที่ได้ไปถึง 8 คะแนนเท่ากันกับคะแนนของโอซิลบวกรวมกับคะแนนของวิลเชียร์ ส่วนในรายอื่นๆเฉลี่ยนแล้วก็อยู่ที่ประมาณ 5-6 คะแนน อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงการพิจารณาฟอร์มการเล่นของสื่อรายนึงเท่านั้น ไม่ถือเป็นการตัดสินฟอร์มการเล่นที่แท้จริงของนักเตะคนใดเลย เพราะบางทีนักเตะบางคนเล่นดีแต่สื่อนั้นๆไม่รู้สึกชอบ หรือไม่รู้สึกประทับใจก็อาจจะให้คะแนนต่ำกว่าฟอร์มการเล่นที่แท้จริงได้

       หรืออาจเรียกว่าสื่อแต่ละสื่อก็มีมาตรฐานการวัดประเมินฟอร์มการเล่นที่แตกต่างกัน อย่างในรายของเดลี่เมล์ สื่อชื่อดังของประเทศอังกฤษก็ยังให้คะแนนเมซุส โอซิลในเกมนี้มากกว่าเลกิ๊ปของฝรั่งเศสถึง 3 คะแนนด้วยกันคือให้อยู่ที่ 7 คะแนน แต่อย่างคีแรน กิ๊บบส์ที่เลกิ๊ปให้เป็นแมทออฟเดอะแมทได้ไป 8 คะแนนนั้น เดลี่เมล์ให้เพียงแค่ 6 คะแนนซึ่งต่ำกว่าของโอซิลครับ

948
       ไม่มีใครยอมใครจริงๆระหว่างทีมเจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลน่า กับ ทีมราชันชุดขาว รีล มาดริด เพราะอย่างที่ทราบกันสองทีมนี้เป็นสองทีมที่แย่งชิงความสำเร็จสูงสุดในสเปน เจอกันทีไรมันส์ไม่แพ้กับเกมแดงเดือด (ลิเวอร์พูล – แมนฯยูไนเต็ด) ของอังกฤษเลย แต่แม้ทั้งคู่จะไม่ได้เจอกันเองก็ยังไม่วายที่จะโชว์ฟอร์มให้ดีที่สุดเหมือนกัน โดยเมื่อวันที่ 17 กันยายน รีล มาดริด ประเดิมแมทแรกของฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่มด้วยกันบดขยี้คู่แข่งไปแบบมันส์เกือก 6-1 แถมซุปตาร์ประจำทีมอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ก็ทำแฮตทริกได้ด้วย

       มาในวันที่ 18 กันยายน บาร์เซโลน่าก็โชว์ฟอร์มบดขยี้คู่แข่งเช่นกัน โดยเป็นการเอาชนะอาแจ็กซ์อันเตอร์ดัมส์ของฮอนแลนด์ไป 4-0 และซุปตาร์ประจำทีมบาร์เซโลน่า “ลิโอเนล เมสซี่” ก็ทำแฮตทริกได้ตั้งแต่เกมแรกของรอบแบ่งกลุ่มเช่นเดียวกับคริสเตียโน่ โรนัลโด้ของรีล มาดริด สำหรับรายละเอียดไฮไลท์การยิงประตูในแมทนี้ของบาร์ซ่าฯก็เป็นดังนี้ครับ บาร์เซโลน่าได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 22 จากลูกยิงฟรีคิกของลิโอเนล เมสซี่ และก็จบครึ่งเวลาแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว ส่วนครึ่งหลังมาในนาทีที่ 55 บาร์เซโลน่ามาได้ประตูเพิ่มอีกหนึ่งลูกเป็น 2-0 จากการยิงของลิโอเนล เมสซี่คนเดิมที่ได้บอลจ่ายมาจากเซคิโอ บุสเกตส์ กระทั่งนาทีที่ 69 บาร์เซโลน่าก็มาได้ประตูทิ้งห่างเป็น 3-0 จากลูกโขกของปีเก้ เซนเตอร์แบ็กคนเก่งของทีม

       และในนาที่ 75 ก็มาบวกเพิ่มได้อีกหนึ่งประตูส่งสกอร์ให้ทีมเจ้าบ้านขึ้นนำแบบขาดลอย 4-0 ส่วคนยิงก็แน่นอนครับเป็นทางด้านลิโอเนล เมสซี่ เกมนี้จึงจบลงด้วยชัยชนะของทีมบาร์เซโลน่าพร้อมกับแฮตทริกแรกในรายการนี้ของลิโอเนล เมสซี่ อย่างไรก็ตามเกมนี้ช่วงประมาณนาทีที่ 77 อาแจ็กซ์น่าจะได้ประตูกลับบ้านไปสักหนึ่งประตู เพราะว่าได้จุดโทษจากจังหวะที่ฮาเวียร์ มาสเคราไปเสียบผู้เล่นอาแจ็กซ์ล้มลงในเขตโทษ แต่ทว่านักเตะของอาแจ็กซ์ยิงไปติดเซฟของบิคตอร์ บัลเดส นายทวารคนเก่งของบาร์เซโลน่า

949
ข่าวฟุตบอล / "เชลซี" เข้าขั้นวิกฤติ!!
« เมื่อ: กันยายน 20, 2013, 11:47:45 PM »
       อาจจะเรียกได้ว่าถึงขั้นวิกฤติซะแล้วครับ สำหรับทางด้านทีมสิงห์บูล เชลซี ที่เพิ่งได้เดอะสเปเชี่ยลวัน “โจเซ่ มูริญโญ่” กลับมาคุมทีมหมาดๆแทนกุนซือชั่วคราวคนเก่า “ราฟาเอล เบนิเตซ” ที่โยกไปคุมทีมนาโปลีในอิตาลี เพราะตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาลมา โดยเฉพาะช่วงสองนัดหลังผลงานเชลซีไม่สู้ดีเอาซะเลย แพ้สองนัดติดในบอลลีก และบอลถ้วยยุโรป โดยในบอลลีกพ่ายให้กับทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตันไป 1-0 บอลถ้วยยุโรปพ่ายให้กับบาเซิ่ลไป 2-1 ซึ่งที่จริงแล้วสองทีมดังกล่าวน่าจะเป็นสองทีมที่เชลซีควรจะเอาชนะได้แบบไม่ยากเย็นด้วยสกอร์ที่มากกว่า 1 ประตูด้วยซ้ำ

       งานนี้ก็เลยไม่รู้ว่าจะทำให้เจ้าของทีมใจร้อนอย่าง โรมัน อับราโมวิชรีบด่วนตัดสินผลงานของมูริญโญ่เลยหรือเปล่า และถ้าเป็นเช่นนั้นน่าห่วงว่ามูริญโญ่อาจจะไม่ได้อยู่ทำทีมเชลซีไปจนจบฤดูกาลซะแล้ว ยิ่งในบอลลีกอังกฤษทุกวันนี้มีคู่แข่งบิ๊กทีมที่พร้อมแย่งชิงแชมป์และโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีกมากมายหลายทีมทั้ง อาร์เซน่อล แมนฯซิตี้ แมนฯยูไนเต็ด ลิเวอร์พูล สเปอร์ ด้วยแล้ว เวลาในการที่จะใช้ในการพิสูจน์ผลงานของมูริญโญ่หรือกุนซือคนไหนๆก็ตามมันจึงมีไม่มากพอ แต่ก็อย่างว่าล่ะครับกุนซือระดับมูริญโญ่ ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกหากจะไม่ให้โอกาสทำทีมไปจนจบฤดูกาลก็อาจจะดูใจร้ายเกินไปสักนิด แต่ทว่าหากจบฤดูกาลแล้วเชลซีไม่มีแชมป์ติดมือ

       รับรองได้เลยว่าฤดูกาลหน้าชื่อผู้จัดการทีมเชลซีไม่ใช่ “โจเซ่ มูริญโญ่” แน่นอน ฉะนั้นเวลาที่เหลือต่อไปนับจากนี้ของมูริญโญ่กับเชลซีคงไม่ใช่เวลาที่มูริญโญ่จะนำไปใช้เพื่อการลองทีมเล่นๆ ลองระบบแผนการเล่น หรือลองแทคติกอะไรตามประสาของเจ้าตัวอีกแล้วล่ะ หากแต่ควรจะเป็นเวลาที่ต้องพยายามทำทุกอย่างให้ได้มาซึ่งชัยชนะ หรือผลการแข่งขันที่ดีที่สุดสำหรับทีม เพราะคำว่าไม่พร้อม ทีมยังไม่ลงตัวหาใช่คำแก้ตัวของกุนซือระดับโลกไม่ครับ

950
ข่าวฟุตบอล / "บอรินี่" คิดผิดย้ายซบ "หงส์"?
« เมื่อ: กันยายน 20, 2013, 11:46:57 PM »

       หลังจากย้ายไปร่วมทีมแมวดำ ซันเดอร์แลนด์แบบยืมตัว ทางด้านนายหน้าส่วนตัวของเจ้าเสือคาบดาบ “ฟาบิโอ บอรินี่” หัวหอกฟอร์มดับของทีมลิเวอร์พูลก็ออกมาพูดเชิงจวกต้นสังกัดลิเวอร์พูลว่าตนเองนั้นคิดผิดที่เลือกตัดสินใจให้นักเตะในความดูแลย้ายมาอยู่กับทีมลิเวอร์พูล โดยแสดงความเห็นว่าถ้าอยู่กับโรม่า ทีมดังในอิตาลีต่อไปเจ้าตัวน่าจะเค้นฟอร์มการเล่นที่ดีออกมาได้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งระบุด้วยว่านักเตะในความดูแลของเขาน่าจะเป็นกองหน้าในอุดมคติของผู้จัดการทีมโรม่าคนปัจจุบัน

       ซึ่งถ้าให้ผมตีความตามเจตนาของนายหน้า หรือเอเย่นต์บอรินี่นั้นก็คงจะสื่อความออกมาทำนองว่าร็อดเจอร์สนั้นใช้งานบอรรินี่ไม่เป็นเลยทำให้บอรรินี่ไม่สามารถเค้นฟอร์มการยิงประตูออกมาได้ แล้วก็ไม่ให้โอกาสบอรินี่ในการลงสนามมากเท่าที่ควร อันนี้ก็ต้องบอกกันเลยว่าถ้าเป็นไปตามความหมายนี้ ส่วนตัวก็เห็นด้วย เพราะร็อดเจอร์สชอบจับบอรินี่ไปยืนริมเส้น ทั้งๆที่บอรินี่เป็นศูนย์หน้าประเภทจบสกอร์ คือมีความคมในการยิงประตู แต่เรื่องของการลากเลื้อย การจ่ายบอล อะไรอย่างนี้ บอรินี่ไม่มีความสามารถเทียบเท่ากองหน้าอย่างซัวเรซ สเตอร์ริดจ์ ทั้งโอกาสในการลงสนามก็ให้บอรินี่น้อยไปนิด คือในระยะแรกๆอาจจะให้โอกาสเยอะ แต่ก็อย่างที่บอกว่าจับไปเล่นริมเส้น แล้วพอบอรินี่โชว์ฟอร์มไม่ออกก็เลยดร็อปยาว

      ทั้งการมาของสเตอร์ริดจ์ อัสปาส ด้วยก็เลยทำให้พอรู้เลยว่าการที่บอรินี่จะประสบความสำเร็จในถิ่นแอนฟิลด์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และยิ่งปล่อยให้ทีมอื่นยืมตัวไปแบบนี้แล้วก็ส่อแววว่าอาจจะได้ย้ายทีมอย่างถาวรต่อไปด้วยเหมือนกัน อย่างกรณีของแอนดี้ คาร์โรลล์ก็ย้ายแบบยืมตัวก่อนสุดท้ายก็ย้ายไปแบบถาวร หรือในรายของเรน่าที่ถูกปล่อยไปในฤดูกาลนี้ก่อนหน้าบอรินี่ไม่นานก็ส่อแววว่าสิ้นฤดูกาลจะย้ายไปทีมอื่นแบบถาวรเช่นกัน ฉะนั้นก็ไม่ผิดหรอกครับที่นายหน้าของบอรินี่จะออกมาบอกว่าคิดผิดที่ตัดสินใจให้นักเตะในความดูแลของเขาย้ายมาค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์

951
       แม้หลายคนจะมองว่าสถานการณ์ในทีมสิงห์บูลขอลเฟร์นานโด ตอเรส หัวหอกค่าตัวแพงจะเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก บ้างก็ว่าเจ้าตัวน่าจะหมดอนาคตกับทีมสิงห์บูลแล้ว เพราะฟอร์มการเล่นของตอเรสนั้นไม่ดีเหมือนสมัยเล่นให้ลิเวอร์พูลเลย แถมยังดูเหมือนว่าผู้จัดการทีมอย่างโจเซ่ มูริญโญ่จะไม่ได้วางเจ้าตัวเอาไว้เป็นแกนหลักของทีมสิงห์บูลในระยะยาวด้วย ก็อย่างทีมีความว่าเชลซีตามตื้อซื้อตัวเวนย์ รูนี่ย์ หัวหอกของทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด และถึงจะพลาดหวังยังไม่สามารถค้วาตัวมาได้ในช่วงตลาดซื้อขายซัมเมอร์ ทว่าก็สามารถไปดึงเอากองหน้าระดับเวิร์ดคลาสอย่างซามูเอล เอโต้ ของอันจิ มาคัชคาล่า ทีมดังแห่งแดนหมีขาวมาร่วมทีมได้อยู่ดี

       คือว่ากันแบบตรงไปตรงมาสถานการณ์ในทีมสิงห์บูล เชลซีของตอเรสนั้นดูยากลำบากถึงขีดสุดแล้ว และก็ไม่รู้ว่าจะถูกโละออกจากทีมวันไหน แต่กระนั้นเจ้าตัวก็ทำเหมือนใจดีสู้เสือ ออกมายืนยันหนักแน่นว่ามีความสุขดีกับการแย่งชิงตำแหน่งตัวจริงกับกองหน้าฝีเท้าดีในทีมอย่างเอโต้ และเดมบา บา ที่ทีมเชลซีซื้อตัวเข้ามาร่วมทีมหลังจากการมาของเจ้าตัว โดยชี้ว่าเขาสามคน (เอโต้ เดมบา บา และตัวเขาเอง) เป็นเพื่อที่ดีต่อกัน ซึ่งมีเป้าหมายเดียวกันคือตั้งใจทำผลงานให้ดีที่สุดเพื่อเป็นตัวหลักของทีม ไม่ได้คิดว่าเป็นศัตรูต่อกันแต่อย่างใด

       พร้อมกันนี้ยังกล่าวทำนองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เชลซีมีนักเตะดีๆจำนวนมากอยู่ในทีม เพราะจะทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นมีลุ้นแย่งแชมป์เยอะขึ้น นอกจากนี้ตอเรสยังกล่าวยาวไปถึงเป้าหมายของทีมคือการคว้าว่าจะพวกเขาจะต้องทำให้ได้ และก็หวังว่าเอโต้เพื่อนร่วมทีมใหม่ของเขานั้นจะสนุกกับการเล่นฟุตบอลในอังกฤษ แถมกล่าวชื่นชมเอโต้ว่าเป็นนักเตะกองหน้าคนนึงที่ดีที่สุดในโลกมีสถิติการยิงประตูที่ดีแต่ตั้งที่เล่นอยู่ในสเปนกับเขา ทั้งนี้ตอเรสเคยเล่นให้กับทีมแอตฯมาดริด ส่วนเอโต้เคยเล่นกับ รีล มายอก้า และบาร์เซโลน่า

952

       เริ่มประเดิมสนามในรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลถ้วยใบใหญ่ที่สุดของยุโรปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ ทีมเต็งต่างๆก็เหมือนกับว่านัดกันมาโชว์ฟอร์มแจ่มเอาชนะคู่แข่งได้แบบสวยหรูกันแทบจะทุกทีมเลย อย่างทางด้านแมนฯยูไนเต็ดทีมจากอังกฤษก็เปิดโอลแทรฟฟอร์ดไล่ถล่มทีมห้างขายยา ไอเออร์ เลเวอร์คูเซ่น จากเยอรมันไปแบบสุดมันส์ 4-2 และเป็นกองหน้าตัวเก่งของทีม เวนย์ รูนี่ย์ที่มีข่าวย้ายทีมในช่วงตลาดซื้อขายซัมเมอร์ที่เหมาคนเดียว 2 ประตู อีกสองประตูได้มาจาก วาเลนเซีย และฟาน เพอร์ซี แบ่งกันยิงคนละ 1 ประตู

       ส่วนสองประตูของทางด้านเลเวอร์คูเซ่นนั้นมาจาก ไซม่อน โรเฟส และโอเมอร์ ท็อปรัค สำหรับทีมราชันชุดขาว รีลมาดริด ของสเปนก็ไล่ถล่มกาลาตาซาลายจากตุรกีไปแบบไม่ไว้หน้าเจ้าบ้านด้วสกอร์ 1-6 ซึ่งคริสเตียโน่ โรนัลโด้ เจ้าของค่าเหนื่อยแพงที่สุดในโลกทำแฮตริกได้ด้วย อีกสามประตูเป็น อีสโก้ 1 ประตู คาริม เบนเซม่า 2 ประตู ทีมบาร์เยิร์น มิวนิค ทีมแชมป์เก่ารายการนี้ก็ไล่อัดคู่แข่งอย่างซีเอสเคเอ มอสโคไปเละเทะ 3-0 แมนฯซิตี้ ทีมเศรษฐีจากอังกฤษก็ไล่อัดวิคตอเรีย พิลเซ่นไปด้วยสกอร์ 3-0 เช่นเดียวกัน ส่วนทีมใหญ่อื่นๆนอกจากนี้ก็มีมิลานของอิตาลีที่ถล่มพีเอสวีไป 3-0 แล้วก็เปแอสเชของฝรั่งเศสถล่มโอลิมเปียกอสไป 4-1 เรียกได้ว่าปีนี้ทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปต่างประเดิมสนามกันแบบไม่มีใครยอมใครเลยทีเดียวครับ

       คือส่อแววว่าจะสนุกเข้มข้นมากทีเดียวเลยสำหรับรายการฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกในปีนี้ จะดูน้อยหน้ากว่าทีมอื่นๆหน่อยก็เห็นจะมีอยู่ทีมเดียวคือเจ้าม้าลาย ยูเวนตุส ทีมดังจากอิตาลีที่ทำได้เพียงแค่บุกไปเสมอกับเอฟซี โคเปเฮเก้น 1-1 เท่านั้น อย่างไรก็ตามในนัดต่อๆไปก็ยังไม่แน่ว่ายูเวนตุสอาจเรียกฟอร์มเก่งกลับมาไล่ถล่มคู่แข่ง ขณะที่ทีมใหญ่ๆบางทีมที่ไล่ถล่มคู่แข่งแบบยับเยินในแมทแรกอาจพลาดท่าปราชันคู่แข่งก็เป็นได้ครับ

953
       หลังได้ขึ้นแท่นเป็นผู้นำดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก โอลิวิเย่ ชิรูด หัวหอกจอมยิงประตูของอาร์เซน่อลเวลานี้ ก็แสดงความมั่นอกมั่นใจเมื่อถูกสื่อถามเกี่ยวกับโอกาสในการคว้ารางวัลดาวซัลโวประจำฤดูกาลนี้ว่า แน่นอนตนเองย่อมมีโอกาสคว้ารางวัล ทั้งนี้โอลิวิเย่ ชิรูด์ ซัดให้อาร์เซน่อลไปแล้ว 4 ประตูขึ้นนำเป็นดาวซัลโวร่วมกับทางด้านของคริสเตยอง เบนเตเก้ ของทางด้านทีมแอสตัน วิลล่า ส่วนนักเตะรายอื่นๆที่ตามหลังมาติดๆก็มีอย่างในรายของ ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ของลิเวอร์พูล และ โรบิน ฟาน เพอร์ซีของแมนฯยูไนเต็ดที่ซัดกันไปแล้วคนละ 3 ตุง

       อย่างไรก็ตามความเห็นส่วนตัวของผม ผมมองว่าทางด้านสเตอร์ริดจ์ กับ โรบิน ฟาน เพอร์ซียังมีลุ้นกว่าโอลิวิเย่ ชิรูดของอาร์เซน่อล คือคิดว่าระยะยาวสองคนนี้น่าจะทำประตูได้สม่ำเสมอมากกว่า แต่กระนั้นก็ไม่แน่เหมือนกัน เพราะตอนนี้อาร์เซน่อลก็มีตัวจ่ายบอลดีๆ (เมซุส โอซิล) เข้ามาในทีมแล้วด้วย บางทีผู้กำหนดอนาคตรางวัลดาวซัลโวว่าจะเป็นใครอาจะขึ้นอยู่กับเขาคนนี้ก็ได้ ถ้าหากว่าโอซิลสามารถป้อนบอลให้ชิรูด์ยิงได้เยอะก็ยังมีสิทธิ์ที่จะเบียดคว้าดาวซัลโวเหนือคู่แข่งอย่างสเตอร์ริดจ์ ฟาน เพอร์ซี กระทั่ง เบนเตเก้เองก็ตาม ส่วนกองหน้ารายอื่นๆที่ยังน่าจับตามองว่าอาจจะเบียดซิวรางวัลดาวซัลโวได้เช่นกันก็ยังมีในรายของเวนย์ รูนี่ย์ ของแมนฯยูไนเต็ด อัลบาโร่ เนเกรโด้ของแมนฯซิตี้

       สำหรับในรายของเวลเบค ผมมองว่าเป็นเรื่องของโอกาสว่าเขาจะได้รับโอกาสจากเดวิด มอยส์ต่อเนื่องหรือเปล่า ถ้าได้รับโอกาสลงสนามต่อเนื่องก็ลุ้นเช่นกัน แต่คิดว่าท้ายที่สุดแล้วไม่น่าจะเบียดสู้กับสเตอร์ริดจ์ ฟาน เพอร์ซี ชิรูด์ ได้ ส่วนอีกรายคือ หลุยส์ ซัวเรซ ของลิเวอร์พูลที่โดนแบนช่วงต้นฤดูกาลและกำลังจะพ้นโทษแบนกลับมานั้น รายนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งในสนามถ้าหากกลับมาแล้วเป็นกองหน้าตัวเป้าเหมือนฤดูกาลที่แล้วโอกาสแย่งดาวซัลโวมีสูง แต่ถ้ากลับมาแล้วร็อดเจอร์สจับยืนริมเส้น แล้วให้ทางด้านสเตอร์ริดจ์ยืนหน้าเป้า ซัวเรซไม่น่าจะยิงประตูได้เยอะเหมือนฤดูกาลที่แล้วครับ

954
       เพียงนัดที่ 4 ของฤดูกาลเท่านั้น ทีมสิงห์บูล เชลซี เต็งแชมป์อันดับหนึ่งของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็พลาดท่าปราชัยให้กับคู่แข่งซะแล้ว โดยเป็นการพ่ายให้กับทีมทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตันไปด้วยสกอร์ 1-0 อย่างไรก็ตาม โจเซ่ มูริญโญ่กุนซือจอมอหังการของทีมสิงห์บูลให้สัมภาษณ์หลังความพ่ายแพ้ครั้งนี้ประมาณว่า ไม่มีอะไรน่าตกใจ และเป็นธรรมดาที่ทีมจะพ่ายคู่แข่งบ้าง พร้อมกันนี้ยังฝากไปถึงโรมัน อับราโมวิช เจ้าของทีม กับบรรดาสาวกสิงห์บูลทั้งหลายว่าทีมของตนเองก็แพ้เป็น รวมไปถึงกล่าวในเชิงขอเวลาในการทำทีม ปรับทีมเพื่อให้มีฟอร์มการเล่นที่ดีเยี่ยม และสามารถยิงประตูได้ 4-5 ลูกต่อเกม

       ทั้งนี้มูริญโญ่ได้ระบุถึงเหตุผลว่าในครั้งนี้ที่เขากลับมาคุมทีมเชลซีมันไม่เหมือนกันกับครั้งแรกในปี 2004 ซึ่งขุมกำลังของทีมมันต่างกัน และถ้าผมตีความการให้สัมภาษณ์ของมูริญโญ่ไม่ผิด นั่นก็อาจหมายถึงว่าขุมกำลังของทีมเชลซีชุดปัจจุบันนี้ยังไม่ดีพอ ไม่แข็งแกร่งพอที่จะเป็นทีมที่มีฟอร์มการเล่นอันสุดยอดเหมือนสมัยที่เขาคุมทีมเชลซีคำรบแรก แต่กระนั้นก็อย่างที่ได้กล่าวบอกกันไปข้างต้นมูริญโญ่มองว่านี้เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นว่าตนเองและลูกทีมสิงห์บูลจะพัฒนาฟอร์มการเล่นให้ยอดเยี่ยมขึ้นเรื่อยๆได้แน่นอน ส่วนอันดับตารางคะแนนล่าสุดเวลานี้หลังจากผ่านความพ่ายแพ้ต่อทีมทอฟฟี่ไปแล้วนั้น

       เชลซีรั้งอยู่อันดับที่ 6 ของตาราคะแนนตามหลังทีมจ่าฝูงอาร์เซน่อล ณ เวลานี้ อยู่ 2 คะแนนเท่านั้น และมีประตูได้เสียตามอยู่ 1 ประตู แต่หากว่ากรณีที่ลิเวอร์พูลลงเตะในแมทที่ 4 แล้วสามารถเอาชนะทีมสวอนซี ซิตี้ได้ ลิเวอร์พูลจะแซงขึ้นนำเป็นจ่าฝูงด้วยคะแนน 12 คะแนนเต็ม ซึ่งก็จะส่งผลให้ทีมสิงห์บูล เชลซีของโจเซ่ มูริญโญ่นั้นตามหลังจ่าฝูงห่างออกไปเป็น 5 คะแนนในทันที


955
       พรีเมียร์เริ่มต้นฤดูกาล 2013-2014 มาได้ประมาณหนึ่งเดือน ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาที่ยังไม่นานเท่าไหร่ แต่ทว่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผลการแข่งขัน ฟอร์มการเล่นของทีมต่างๆ ฯลฯ กลับทำให้ดูเหมือนว่ามีไฮไลท์สคัญๆที่น่าติดตามมากมาย แถมยังดูเหมือนว่าอะไรๆจะส่อเค้าว่าพรีเมียร์ลีกเปลี่ยนแปลงไปจากฤดูกาลที่แล้ว โดยอย่างแรกก็คือทีมที่โชว์ฟอร์มโดดเด่นมากที่สุดในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลเป็นทีมลิเวอร์พูล ที่เดิมทีหลายๆฤดูกาลก่อนๆพวกเขาเป็นทีมที่ออกสตาร์ทฤดูกาลได้ไม่ดีเอาเสียเลย

       โดยเฉพาอย่างยิ่งถ้าไปเปรียบเทียบกันกับฤดูกาล(2012-2013)ที่แล้ว เรียกว่าจากหน้ามือเป็นหลังมือลยทีเดียว เพราะในฤดูกาลที่แล้วถ้าจำไม่ผิดลิเวอร์พูลออกสตาร์ทฤดูกาลได้ชนิดที่ย่ำแย่ทีสุดในรอบหลายปี และหลังจากบรรดาบิ๊กทีมได้ลงแข่งขันในแมทที่ 4 ของฤดูกาลไปเรียบร้อยแล้ว (ยกเว้นลิเวอร์พูล) ก็ดูเหมือนพรีเมียร์ลีกได้ส่อเค้าการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นไปอีก ด้วยที่จริงแล้วทีมที่น่าจะมีลุ้นแชมป์ และรั้งอยู่หัวตารางควรจะเป็น แมนฯยูไนเต็ด เชลซี แมนฯซิตี้ เหมือนเช่นฤดูกาลที่แล้ว และหลายๆฤดูกาลก่อน แต่กลับเป็นลิเวอร์พูล อาร์เซน่อล และสเปอร์ที่รั้งอันดับ 1 2 3 ซึ่งที่จริง 3 ทีมนี้นั้นถูกมองว่าเป็นทีมที่ลุ้นโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีกเท่านั้น ส่วนสามทีมที่ควรจะอยู่ในกลุ่มลุ้นแชมป์กลับไล่ลงมาอยู่ในอันดับ 4 5 6 เรียงกันลงมาเลย อย่างไรก็ตามสำหรับทีมสามอันดับแรกของตาราคะแนนถ้าจะว่าจริงๆอาจจะต้องบอกว่าเป็น 3 ทีมจ่าฝูงร่วมครับ

       เพราะมีคะแนน 9 คะแนนเท่ากัน และประตูได้เสียอยู่ที่ 3 ประตูเท่ากัน กระนั้นก็อยู่ที่ลิเวอร์พูลว่าจะเก็บคะแนนฉีกหนีขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงทีมเดียวเหมือนเดิมได้หรือเปล่า เนื่องจากพวกเขายังมีโปรแกรมลงแข่งอีกนัด ส่วน 2 ทีม (สเปอร์ อาร์เซน่อล) ลงแข่งไปเรียบร้อยแล้ว แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ จากทั้งหมดที่ผมกล่าวมาตั้งแต่ต้นจะบอกว่าฤดูกาลนี้ทีมกลุ่มลุ้นแชมป์ กับทีมกลุ่มลุ้นอันดับไปเล่นฟุตบอลยุโรปจะเปลี่ยนสลับกันเลยก็ดูจะเร็วเกินไปสักหน่อย เอาเป็นว่าสรุปกันว่ามีแววที่จะเปลี่ยนแปลงแบบที่กล่าวแต่ยังไม่ชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ดีกว่าครับ ไว้ให้ผ่านพ้นไปอีกสัก 3-4 นัดแล้วเรามาสรุปกันอีกทีครับว่าที่สุดแล้ว ทีมกลุ่มลุ้นแชมป์ กับทีมกลุ่มลุ้นโควตาแชมเปี้ยนส์ของพรีเมียร์ลีกอังกฤษจะเปลี่ยนไปจากเดิมจริงหรือเปล่า?

956
ข่าวฟุตบอล / "สิงหาคม" เดือนของ "หงส์แดง" !!
« เมื่อ: กันยายน 18, 2013, 01:32:46 AM »
       ยกให้เป็นเดือนของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูลจริงๆเลยครับสำหรับเดือนสิงหาคม ปี 2556 นี้ เพราะว่าดูอะไรๆหลายสิ่งเป็นใจให้พวกเขาทั้งหมดเลย ทั้งฟอร์มการเล่นที่อาจจะไม่ได้สู้ดีเท่าไหร่นัก แต่ก็เหมือนบุญพา วาสนาส่งให้พวกเขาสามารถเก็บชัยชนะออกมาได้เสียทุกนัดไป จนทำให้ทีมออกสตาร์ทฤดูกาล 2013-2014 ได้อย่างสวยหรู ผ่านสามนัดแรกขึ้นนำเป็นจ่าฝูง ไม่เท่านั้นสรุปผลงานเดือนสิงหาคมเป็นทางด้านแบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือทีมลิเวอร์พูลนั่นแหละที่ได้รางวัลกุนซือยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีกประจำเดือนสิงหาคม

       แล้วก็ยังไม่ได้หยุดเท่านั้นอีกอยู่ดีครับ ด้วยเป็นทางด้านดาเนียล สเตอร์ริดจ์กองหน้าของทีมที่ซิวรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกประจำเดือนสิงหาคมเคียงคู่กับผู้จัดการทีม แบรนแดน ร็อดเจอร์ส เท่ากับว่าสองรางวัลยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีกเดือนสิงหาคมเป็นทีมลิเวอร์พูลทีมเดียวที่เหมาหมดเลย ในส่วนของฟอร์มการเล่นนอกจากจะนำเป็นจ่าฝูงแล้ว ลิเวอร์พูลก็เป็นทีมเดียวด้วยที่ชนะรวด และเป็นทีมเดียวที่ยังไม่เสียประตูเช่นกัน ในขณะที่ถ้านับทีมที่ยังไม่แพ้ใครก็มีเพียงลิเวอร์พูล กับเอฟเวอร์ตันสองทีมเท่านั้น นอกนั้นไม่ว่าจะเป็นทีมใหญ่ๆอย่าง แมนฯซิตี้ เชลซี อาร์เซน่อล ต่างแพ้ให้กับคู่แข่งไปแล้วทั้งนั้น ทีมเล็กๆก็เรียกได้ว่าไม่ต้องพูดถึงแพ้กันเป็นเรื่องปกติธรรมดา อย่างไรก็ตามแม้ว่าเดือนสิงหาคมไล่ยาวมาถึงต้นๆเดือยกันยายนด้วยจะดูเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมของหงส์แดง ลิเวอร์พูล

       แต่สำคัญก็คือการที่ลิเวอร์พูลต้องทำให้ช่วงเดือนกันยายนที่เหลืออยู่ และช่วงเดือนต่อๆไปเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมสำหรับทีมเช่นกัน ซึ่งโอกาส หรือว่าความเป็นไปได้ถ้ามองปัจจุบันขณะก็มีอยู่เยอะ อย่างถ้าหากพวกเขาสามารถที่จะเก็บชัยชนะในนัดที่พบกับสวอนซีได้ ก็จะทำให้พวกเขายังคงเป็นทีมที่มีฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดต่อไปได้ และถ้ายิ่งสามารถรักษาคลีนชีทได้อีก อะไรๆที่ตามมาจากนั้นมันก็เหมือนจะดูเป็นใจให้ลิเวอร์พูลไปอีกยาวๆเลยครับ ฉะนั้นจึงไม่แน่ว่ากุนซือยอดเยี่ยมเดือนกันยายน นักเตะยอดเยี่ยมเดือนกันยายนอาจจะยังคงถูกทีมลิเวอร์พูลเหมาต่อเนื่องอีกก็ได้

957
       อาจจะเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งหน้าที่กุนซือทีมผีแดง แมนฯยูไนเต็ด ได้ไม่นานสำหรับทางด้านเดวิด มอยส์ อดีตกุนซือทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน แต่ก็ได้มีการแสดงถึงความเป็นเยี่ยงอย่างที่ดีให้กับกุนซือทีมฟุตบอลรายอื่นๆทั่วโลกแล้ว เมื่อในชัยชนะหนล่าสุดของทีมผีแดง แมนฯยูไนเต็ดที่มีต่อคริสตัน พาเลซในศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 4 แอชลี่ย์ ยัง ปีกจอมพลิ้วของทีมผีแดงได้ใช้วิธีการเล่นที่ไม่ควรเท่าไหร่นัก ซึ่งก็คือการเจตนาพุ่งล้มในสนาม แล้วเดวิด มอยส์ออกมาตำหนิหลังเกม พร้อมทั้งระบุว่าไม่ใช่เฉพาะในรายของแอชลี่ย์ยังเท่านั้น แต่เขาไม่ต้องการเห็นนักเตะของทีมทุกคนทำพฤติกรรมในสนามแบบนั้น

       ทั้งนี้ในเกมกับคริสตันพาเลซแอชลี่ย์ ยัง พุ่งล้มในนาทีที่ 19 จนได้รับใบเหลืองจากกรรมการ ด้วยเจตนาดังกล่าว ซึ่งมอยส์ก็บอกว่าสมควรแล้วกับการถูกลงโทษใบเหลือง อย่างไรก็ตามยังมีอีกหนึ่งจังหวะที่เป็นปัญหาซึ่งก็คือการได้มาซึ่งจุดโทษในจังหวะที่ยังล้มลงไปในเขตโทษเช่นกัน โดยจุดโทษนั้นส่งผลให้นักเตะของพาเลซได้รับใบแดงไล่ออกจากสนามไปด้วย และเดวิด มอยส์ก็พูดถึงจังหวะนี้ว่าเขาไม่ชอบการกระทำของแอชลี่ย์ ยัง ใบแดงสำหรับนักเตะพาเลซอาจดูแรงเกินไป เพราะถึงเขาจะเข้ามาสกัดยังก็จริง แต่ยังเองก็มีเจตนาที่จะเอาขาไปเกี่ยวกับนักเตะพาเลซเพื่อให้ตัวเองล้มลงด้วย

       คือเรียกได้ว่าผิดก็ว่ากันไปตามผิด ไม่เข้าข้างลูกทีม ไม่ปกป้องลูกทีมจนเกินงามเลยครับ ส่วนตัวก็หวังว่ากุนซือทีมอื่นๆจะทำตามบ้าง เพราะกุนซือทีมอื่นๆพากันทำตามไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้เราได้ดูฟุตบอลที่มีความตรงไปตรงมามากขึ้น สู้กันด้วยฝีเท้า ทักษะที่แท้จริงมากขึ้น หาใช่ฟุตบอลที่แฝงไปด้วยการตบตากรรมการ การทำพฤติกรรมให้ร้ายคู่แข่งที่บอกตรงๆว่าดูหลายๆจังหวะแล้วรู้สึกว่าผิดหวัง กระทั่งเป็นทีมที่ตัวเองเชียร์ก็เถอะครับ

958
ข่าวฟุตบอล / "เบล" ประเดิมสวยกับ "ราชัน" !!
« เมื่อ: กันยายน 16, 2013, 03:23:55 PM »
       ทันทีที่ย้ายมาเล่นในลาลีกา สเปน กับทีมราชันชุดขาว รีล มาดริด และลงสนามเป็นนัดแรก แกเร็ธ เบล ปีกชาวเวลล์ อดีตกำลังสำคัญของทีมท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ ก็สามารถประเดิมประตูแรกของตนเองได้ทันที โดยเกมแรกของเบลเป็นการเผชิญหน้ากับทีมบียาร์รีล อีกหนึ่งทีมที่เริ่มต้นฤดูกาล 2013-2014 ด้วยฟอร์มอันสวยหรู (เก็บชัยชนะมาสามนัดรวด) ซึ่งเกมนี้รีล มาดริด เป็นฝ่ายยกพลไปเยือนถิ่นเอสตาดิโอ เอล มาตรีกัลป์ ของบียาร์รีล สำหรับไฮไลท์การยิงประตูของเกมนี้ นั้นเริ่มฝั่งเจ้าบ้านที่ยิงประตูขึ้นนำทีมราชันชุดขาวไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 21 จากการยิงของรูเบน การ์เซียร์ กานี

       แล้วก็เป็นทางด้านแกเร็ธ เบลเองที่มาตามตีเสมอให้ทีมเยือนในนาทีที่ 38 จากการจ่ายให้ของ ดาเนียล การ์บาฆาล จากนั้นก็เป็นมาดริดที่พลิกขึ้นนำบียาร์รีลในนาทีที่ 64 จากการยิงของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ แล้วก็กลับมาเป็นทางด้านบียาร์รีลที่มาตามตีเสมอได้ในนาทีที่ 70 จากการยิงของโจวานนี่ ดอส ซานโตส แล้วก็จบเกมลงไปด้วยสกอร์ 2-2 แบ่งกันไปทีมละหนึ่งแต้ม เท่ากับว่าเกมนี้ของมาดริด เป็นโรนัลโด้ และแกเร็ธ เบล สองซุปตาร์ค่าตัวแพงอันดับ 1-2 ของโลกที่ช่วยกันยิงคนละหนึ่งประตูให้มาดริดเก็บหนึ่งแต้มกลับบ้านไปได้ อย่างไรก็ตามเกมนี้เบลได้เล่นไปถึงนาทีที่ 62 เท่านั้น เพราะกุนซือมาดริดเปลี่ยนอังเคล ดิมาเรีย ลงมาเล่นแทนในเวลาที่เหลืออยู่อีกประมาณ 30 นาที

       ส่วนฟอร์มการเล่นสำหรับเกมแรกของเบลในสีเสื้อราชันชุดขาว รีล มาดริด โดยรวมก็ถือว่าโอเคเลย แต่อาจจะต้องมีการปรับสไตล์การเล่นให้เข้ากับระบบทีมของมาดริดบ้าง ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ด้วยระยะเวลาที่เบลลงซ้อมกับมาดริดก่อนจะเล่นเกมนี้นั้นมีไม่มากนัก อีกอย่างยิงประตูได้ตั้งแต่เกมแรกก็ถือว่าทะลุเป้าแล้ว เรื่องของความกดดันต่างๆในเกมต่อๆไปก็จะลดลงด้วย แล้วก็จะทำให้สามารถเค้นฟอร์มการเล่นดีๆออกมาได้ง่ายขึ้น

959
       เรียกได้ว่าเป็นการออกมาแสดงความฉงนใจอย่างตรงไปตรงมาของทางด้าน ไมเคิ่ล เลาดรู๊ป ผู้จัดการทีมหงส์ขาว สวอนซี ซิตี้ก่อนเกมที่เขาจะนำลูกทีมลงดวลเกือกกับทางด้านหงส์แดง ลิเวอร์พูล เลยครับ โดยเลาดรู๊ปแสดงความสงสัยในเรื่องของอาการบาดเจ็บของกองหน้าตัวเก่งทีมหงส์แดง ลิเวออร์พูล “ดาเนียล สเตอร์ริดจ์” ที่ได้รับบาดเจ็บจนต้องถอนตัวออกจากเกมทีมชาติ ที่เดิมทีเขาต้องลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก แต่ทว่าไม่นานหลังจากนั้นเพียง 48 ชั่วโมง หรือเพียงสองวันเจ้าตัว (ดาเนียล สเตอร์ริดจ์) กลับมีชื่อในทีมลิเวอร์พูลชุดที่จะยกพลมาเยือนลิเบอร์ตี้สเตเดี้ยม

       ซึ่งเลาดรู๊ปชี้ว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากเมื่อคุณได้รับบาดเจ็บจนถึงขนาดต้องถอนตัวออกจากเกมทีมชาติ แต่แล้วไม่นานหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงคุณกลับพร้อมฟิตลงเล่นให้กับสโมสร ทั้งนี้ยังบอกด้วยว่าจริงๆน่าจะมีกฎห้ามไม่ให้ผู้เล่นบาดเจ็บลงเล่นในเกมของสโมสรสัก 3-4 นัด อย่างไรก็ดีเลาดรู๊ปบอกเพิ่มเติมทำนองว่านั่นไม่ใช่หน้าที่อะไรของเขา สิ่งที่เขาต้องทำกับก็คือให้ความใส่ใจกับทีมสวอนซีของเขาในเกมที่จะพบกับลิเวอร์พูลนี้ และก็ยินดีที่จะได้เห็นลูกทีมเผชิยหน้ากับนักเตะฝีเท้าดีอย่างดาเนียล สเตอร์ริดจ์ แต่ทั้งนั้นทั้งนี้เมื่อเรามาจับความตีประเด็นที่เลาดรู๊ปออกมาพูดแล้ว เราจะเห็นได้ว่าเลาดรู๊ปนั้นพยายามจะสื่อว่า อาการบาดเจ็บของสเตอร์ริดจ์ไม่ได้มีอะไรหนักหนาสาหัสจนถึงขั้นตอนถอนตัวจากทีมชาติ

       แต่ด้วยลิเวอร์พูลต้องการเก็บเข้าไว้ช่วยทีมในเกมที่จะพบกับทีมสวอนซีของเขา กระนั้นโดยส่วนตัวผมคิดว่าหากมองกันในแง่ดี การที่สเตอร์ริดจ์ฟิตทันก็อาจเป็นเพียงช่วงเวลา และอาการบาดเจ็บธรรมดาทั่วไป คือบาดเจ็บเล็กๆ แล้วเผอิญว่าไปตรงกับโปรแกรมทีมชาติพอดี ช่วงเวลาไม่กี่วันที่รักษาอาการบาดเจ็บก็เลยทำให้ฟิตทันสำหรับช่วงทีมได้ต้นสังกัดได้ทันที แต่ก็ไม่ได้แปลกอะไรถ้าเลาดรู๊ป ผู้จัดการทีมสวนอซี ซิตี้ จะสงสัยในอาการบาดเจ็บของสเตอร์ริดจ์ เพราะสวอนซีเป็นทีมแรกที่จะได้เจอกับลิเวอร์พูล หลังผ่านพ้นโปรแกรมทีมชาติที่สเตอร์ริดจ์ถอนตัวมาแล้ว

960
       อาจจะไม่ใช่การเรียกร้องขอโอกาสในการลงสนามซะทีเดียว สำหรับการให้สัมภาษณ์กับสื่อหนล่าสุดของทางด้าน ชินจิ คางาวะ เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งทีมชาติญี่ปุ่น แต่น่าจะเป็นการออกมาพูดตัดพ้อซะมากกว่าโดยเนื้อใจความที่ชินจิ คางาวะ ออกมาให้สัมภาษณ์นั้นชี้ว่าโอกาสของตนเองในทีมชาติกับในนามสโมสรช่างแตกต่างกันเหลือเกิน คือในทีมชาติคางาวะได้รับโอกาสเต็มที่ แต่กับสโมสรแมนฯยูไนเต็ดเรียกว่าแทบจะไม่ได้รับโอกาสให้ลงสนามเลย อย่างที่ทราบกันคางาวะได้ลงสนามให้แมนฯยูไนเต็ดในเกมคอมมิวนิตี้ชิลด์ที่แมนฯยูไนเต็ดเอาชนะวีแกนไปได้เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น

       เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คางาวะยังไม่ได้รับโอกาสจากเดวิด มอยส์ให้ลงไปสัมผัสสนามเลย อย่างไรก็ตาม คางาวะกล่าวว่าหากเขาได้รับโอกาสลงสนามเมื่อไหร่เขาจะตั้งใจโชว์ฟอร์มให้โค้ชประทับใจ ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นในความต้องการประสบความสำเร็จกับทีมแมนฯยูไนต็ดของคางาวะอย่างจริงจัง ถ้าหากว่าเป็นนักเตะบางคนไม่ได้รับโอกาสจากผู้จัดการทีมป่านนี้ก็คงถอดใจ และคิดเรื่องการย้ายทีมไปแล้ว อย่างในรายของรูนี่ย์ ก็เห็นกันว่าแม้จะได้รับโอกาสจากมอยส์มากกว่าทางด้านคางาวะเยอะก็ยังมีน้อยอก น้อยใจเกี่ยวกับบทบาทของตัวเองในทีมจนอาจนำมาซึ่งการย้ายทีมอยู่แล้วเหมือนกัน แต่ส่วนถ้าให้ผมกล่าวเดาๆเกี่ยวกับอนาคตของคางาวะในถิ่นโอลแทรฟฟอร์ด ผมว่าอีกไม่นานคางาวะก็คงพอจะได้รับโอกาสจากเดวิด มอยส์ให้ได้ลงสนามบ้าง

       แต่จะประทับใจมอยส์ จนยึดตำแหน่งตัวจริงได้หรือไม่นั้น ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะตอนนี้มอยส์มีทางด้านมารูยาน เฟลไลนี่ไว้ใช้งานเป็นแกนหลักในแดนกลางอยู่แล้ว ประกอบกับนักเตะคนอื่นๆในถิ่นโอลแทรฟฟอร์ดที่ดูจาก 3 เกมแรกในพรีเมียร์ลีก ที่มอยส์เลือกใช้แล้วคิดว่าน่าจะมีหลายคนที่มอยส์ตั้งใจเลือกไว้ใช้งานเป็นตัวหลักมากกว่าที่จะไปเลือกใช้คางาวะ เอาง่ายๆเลยคางาวะไม่น่าอยู่ในข่ายนักเตะที่เดวิด มอยส์ชื่นชอบตั้งแต่แรก ฉะนั้นโอกาสในการลงสนามให้แมนฯยูไนเต็ดจึงเป็นแบบว่าพอมีบ้าง แต่โอกาสที่จะย้ายออกจากทีมในตลาดซื้อขายนักเตะรอบเดือนมกราคมก็มีความเป็นไปได้สูง

หน้า: 1 ... 62 63 [64] 65 66 ... 68