พฤษภาคม 06, 2024, 06:24:29 AM

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Reporter

หน้า: 1 ... 63 64 [65] 66 67 68
961
ข่าวฟุตบอล / จาก "คาร์ลอส" ถึง "มูริญโญ่"!!
« เมื่อ: กันยายน 14, 2013, 10:48:12 AM »
       ไม่รู้ว่าจะทำเอามูริญโญ่ปวดหัวบ้างหรือเปล่า เมื่อได้รับคำเตือนจากทางด้านโรแบร์โต้ คาร์ลอส อดีตนักเตะทีมแซมบ้า บราซิลผู้เคยโด่งดังมากๆ โดยคำเตือนของคาร์ลอสนั้นเป็นไปในทำนองว่าให้ทางด้านโจเซ่ มูริญโญ่ระวังเรื่องการทำงานร่วมกับซามูเอล เอโต้ ซึ่งเขามักจะคิดถึงเรื่องส่วนตัวของตัวเองเท่านั้น จนพาให้ทีมพบกับความยากลำบาก ทั้งนี้โรแบร์โต้ คาร์ลอส อดีตนักเตะผู้โด่งดังเคยได้ทำงานเป็นผู้อำนวยการของสโมสรอันจิ มาคัชคาล่า อดีตต้นสังกัดของซามูเอล เอโต้ จึงได้ผ่านประสบการณ์การร่วมงานกับศูนย์หน้าความเร็วรายนี้

       อย่างไรก็ตามประโยคที่เด็ดที่สุดที่ออกจากปากคาร์ลอสคือ ซามูเอล เอโต้ ทำทุกอย่างที่อันจิ ยกเว้นการเล่นฟุตบอล เรียกว่าเป็นการชี้ให้มูริญโญ่เห็นชัดๆเลยว่าเอโต้นั้นให้ความสำคัญเรื่องของฟุตบอลรองจากเรื่องอื่นๆในชีวิตของตัวเอง แต่ทั้งนั้นทั้งนี้โจเซ่ มูริญโญ่ กุนซือสิงห์บูล เชลซี ก็ได้เคยร่วมงานกับซามูเอล เอโต้มาแล้วเมื่อสมัยที่ยังคุมทีมอินเตอร์ มิลาน ทีมดังแห่งกัลโช่เซเรียเออยู่ ดังนั้นมูริญโญ่อาจจะพอทราบดีว่าจะมีวิธีการทำงานร่วมกับเอโต้อย่างไรให้ได้ประโยชน์มากที่สุด และแม้ว่าการทำงานร่วมกับเอโต้จะก่อปัญหาให้ทีมขึ้นมาจริงๆ ส่วนตัวผมมองว่าสำหรับมูริญโญ่แล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใหญ่โต่ เพราะเวลานี้ในทีมเชลซียังมีกองหน้าคุณภาพให้เลือกใช้งานอยู่ ทั้งเฟร์นานโด ตอเรส และเดมบาบา หากว่าเอโต้ปัญหา มูริญโญ่ก็เลือกใช้ตอเรส หรือไม่ก็บาก็ได้

       สไตลก์การทำทีมของมูริญโญ่ก็เป็นสไตล์ที่เน้นใช้กองหน้าตัวเดียวอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าคิดเผื่อไว้ในแง่ว่าเดมบา บา ฟอร์มตกก็ยังเรียกใช้ตอเรสได้ หรือตอเรสฟอร์มตกก็ยังคงเรียกใช้เดมบา บาได้ อีกอย่างก็คือคิดว่าในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคมมูริญโญ่น่าจะเล็งช้อปกองหน้าเพิ่มอีก โดยในเฉพาะในรายของเวนย์ รูนี่ย์ ที่คิดว่ามูริญโญ่น่าจะยื่นข้อเสนอเข้าไปตื้อซื้อตัวอีก ซึ่งถ้าได้มาจริงก็แถมจะลืมปัญหาของเอโต้ไปได้เลยครับ

962
       มีข่าวว่าโรนัลโด้ เตรียมขยายสัญญากับราชันชุดขาว รีล มาดริดได้ไม่นาน ข่าวการต่อสัญญาของลิโอเนล เมสซี่ อีกหนึ่งสตาร์ดังประจำลาลีสเปนก็ออกมาให้ได้พูดถึงเช่นกัน โดยสื่อพากันตีข่าวว่าบาร์เซโลน่าต้องการต่อสัญญากับแข้งมหัศจรรย์รายนี้ แต่เจ้าตัวต้องการค่าตัวสูงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งคาดว่าอยู่ที่ประมาณ 18 ล้านยูโรต่อปีจึงจะยอมเซ็นสัญญาฉบับใหม่ด้วย และถ้าผมไม่จำไม่ผิดว่าค่าเหนื่อยเดิมที่เมสซี่ได้รับอยู่ที่ 16 ล้านยูโรต่อปี นี่จะเท่ากับว่าเจ้าตัวต้องการเพิ่มขึ้นถึงปีละ 2 ล้านยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยก็ราวๆ 80 ล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว

       ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลิโอเนล เมสซี่ไปทราบข่าวเรื่องค่าเหนื่อยของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ที่ว่าจะทำลายสถิติโลกหากเจ้าตัวต่อสัญญาฉบับใหม่กับราชันชุดขาวออกไปหรือเปล่า ถึงได้เรียกค่าเหนื่อยเพิ่มจากต้นสังกัดบาร์เซโลน่าอย่างนี้ อย่างไรก็ตามข่าวคราวตามที่ผมทราบมาไม่ได้มีการอ้างอิงคำพูดของเมสซี่ หรือฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างใด จึงยังไม่แน่เหมือนกันว่าการเรียกร้องค่าเหนื่อยของเมสซี่เพิ่มขึ้นปีละประมาณ 80 ล้านบาทนั้นเป็นความจริงหรือไม่ แต่ถึงจะเป็นความจริง และแม้ว่าจำนวนเงินจะดูสูงมาก ก็เชื่อกันว่าบาร์เซโลน่าจะยินยอมจ่ายให้ตามที่เมสซี่ต้องการ คือบาร์เซโลน่าคงไม่ต้องการเห็นเมสซี่ย้ายไปค้าแข้งกับทีมอื่น

       ทั้งถ้าพูดถึงความสำคัญสำหรับทีม เมสซี่ก็เปรียบเสมือนเป็นผู้กุมชะตาเกมรุกของทีมบาร์เซโลน่าเลย เรียกว่าถ้ามีเมสซี่ในทีม กับไม่ม่เมสซี่อยู่ในทีมบาร์เซโลน่าก็มีความแตกต่างกันชักเจน อาจจะยังคงเป็นทีมที่ดี และเก่งมากอยู่ในขณะที่ไม่มีเมสซี่ แต่ถ้ามีนั่นหมายถึงการเป็นสุดยอดทีมอย่างที่บาร์เซโลน่าเป็นอยู่ทุกวันนี้ การยอมจ่ายเงินเพิ่มราวๆปีละ 2 ล้านยูโรจึงไม่น่าใช่เรื่องใหญ่สำหรับทีมเจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลน่าแต่อย่างใด

963
       จะหาเหตุผลกลใดมาปฏิเสธก็คงไม่อาจปฏิเสธได้จริงๆว่าเวลานี้ ทีมราชันชุดขาว รีล มาดริด ทีมดังแห่งแดนกระทิงดุถือเป็นที่สุดของโลกฟุตบอลโลกแล้ว แม้ว่าจะไม่ใช่ทีมแชมป์หนล่าสุดของลาลีกา สเปน ไม่ใช่ทีมแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกหนล่าสุดก็ตาม เพราะดูจากตัวผู้เล่นแล้วกล้าพูดได้เลยว่ามาดริดเป็นทีมทีมีผู้เล่นระดับซุปเปอร์สตาร์อยู่ในทีมมากที่สุดในโลก ตลาดซื้อขายนักเตะรอบล่าสุดอาจมีการปล่อยตัวสตาร์ออกจากทีมไปบ้าง เช่น เมซุส โอซิล กอนซาโล่ อิกวาอิน แต่ที่ได้ซื้อเข้ามาก็ทำเอาแฟนบอลลืมเลือนสตาร์เดิมที่ปล่อยออกจากทีมไปเลยเหมือนกัน คือในรายของแกเร็ธ เบล นั่นเอง

       และแน่นอนการเข้ามาของแกเร็ธ เบล ก็เข้ามาตอกย้ำความเป็นที่สุดของทีมรีล มาดริด ด้วยค่าตัวที่แพงมหาศาลที่สุดในโลก (86 ล้านปอนด์ หรือถ้าคิดเป็นเงินยูโรก็คือ 100 ล้านยูโร) เรียกว่าเป็นทีมแรกที่กล้าจ่ายเงินทุ่มซื้อนักเตะถึงหลัก 100 ล้านยูโร หรือเราจะมองไปที่การประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในรายการแข่งขันฟุตบอลบิ๊กเอียร์ของยุโรป ในชื่อปัจจุบันยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก หรือชื่อเดิม ยูโรเปี้ยนส์คัพ ก็ยังเป็นรีล มาดริดอีกนั่นแหละที่ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ได้หลายสมัยที่สุด ถ้าผมจำไม่ผิดคือประมาณ 9 สมัย ไม่มีทีมใดในโลกทำได้เทียบเท่า ณ เวลานี้ ทว่ายังไม่เพียงเท่านั้นล่าสุดมาดริดกำลังจะสร้างอีกที่สุดของโลกนั่นคือการจ่ายเงินค่าเหนื่อยนักเตะสูงที่สุดในโลก

       โดยแว่วจากข่าวมาว่าจะเกิดขึ้นระหว่างการทำสัญญาฉบับใหม่ของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกซุปตาร์ประจำทีม กับสโมสรรีล มาดริด ซึ่งเงื่อนไขสัญญาจะทำให้โรนัลโด้กลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกแซงหน้าเจ้าของสถิติเดิมอย่างซามูเอล เอโต้ไปในทันที ส่วนในอันดับรองๆลงไปก็น่าจะยังคงเป็นลิโอเนล เมสซี่ เนย์มาร์ ของบาร์เซโลน่า อับราฮิโมวิช ของ ปารีส แซงแชร์กแมง และ ราดาเมล ฟัลเกาของอาแอส โมนาโกตามเดิม

964
       ถึงจะบอกว่าพอใจในขุมกำลังของทีมที่มีอยู่นี้ และคิดว่าเป็นขุมกำลังที่เพียงพอสำหรับการลุ้นป้องกันแชมป์ แต่ที่สุดแล้วเราก็ได้เห็นว่าเดวิด มอยส์ กุนซือผีแดงแมนฯยูไนเต็ดนั้นแท้จริงไม่ได้พึงพอใจต่อขุมกำลังของทีมที่มีอยู่ของทีมเวลานี้สักเท่าไหร่ เพราะว่ากันว่าเดวิด มอยส์เตรียมโละทีมงานแมวมองชุดปัจจุบันของผีแดงออก แล้วนำทีมงานที่เคยทำงานร่วมกับตนสมัยอยู่ทีมทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตันมาทำงานแทน ด้วยรู้สึกว่าทีมงานแมวมองที่ไม่มีคุณภาพของแมนฯยูไนเต็ดทำให้พลาดได้ตัวนักเตะดีๆมาเสริมทัพ โดยเฉพาะนักเตะเป้าหมายหลายๆคนที่ผีแดงเล็งไว้ และยื่นข้อเสนอเข้าไปขอซื้ออย่างเป็นทางการอยู่หลายต่อหลายครั้ง

       ไม่ว่าจะเป็นในรายของ เชลส ฟาเบรกาส เมซุส โอซิล เอร์เรร่า ฯลฯ ทั้งนี้ตามรายข่าวของสื่อต่างๆระบุทำนองว่าเดวิด มอยส์ต้องการให้แมวมองของทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ดมีคุณภาพมากกว่านี้ สามารถเล็งเห็นนักเตะที่ฝีเท้าดีน่านำมาร่วมทีมได้เยอะกว่านี้ รวมถึงควรทราบถึงความเป็นไปได้ในการย้ายทีมของนักเตะมาอยู่กับแมนฯยูไนเต็ด ว่าง่ายๆคือในตลาดซื้อขายนักเตะรอบนี้เดวิด มอยส์อาจจะมองว่านักเตะหลายรายที่แมวมองชี้แนะมาให้ยื่นซื้อนั้น แมวมองไม่ได้สนใจสถานการณ์ความเป็นไปได้ในการย้ายทีมของตัวนักเตะเลย  อย่างไรก็ตามนอกจากนี้ยังนับรวมไปถึงการเจรจาพูดคุยกับตัวนักเตะ หรือตัวแทนของนักเตะที่แมนฯยูไนเต็ดต้องการซื้อมาด้วย

       เพราะในตลาดซื้อขายนักเตะรอบนี้ตามข่าวที่ผมได้ทราบมาคือมีหลายดีลที่ทีมงานแมวมองของแมนฯยูไนเต็ดมีส่วนในการเจรจาพูดคุยกับฝั่งนักเตะเกี่ยวกับการโน้มน้าวให้ย้ายมาเล่นกับแมนฯยูไนเต็ด แต่ก็ล้มเหลวทั้งหมด แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ผมว่าถึงจะมีการเปลี่ยนแปลงทีมแมวมอง นำเอาทีมงานที่เคยทำงานร่วมกับเดวิด มอยส์ เข้ามาทำงานในโอลแทรฟฟอร์ดแทนแมวมองชุดเดิมๆของแมนฯยูไนเต็ด แต่นั่นก็ไม่ได้การันตีว่าแมนฯยูไนเต็ดจะได้นักเตะดีๆฝีเท้าคุณภาพ คุ้มค่า มาเสริมทัพตลอด หรือได้นักเตะเป้าหมายมาอยู่กับทีมตลอด ด้วยเรื่องของการซื้อขายนักเตะระหว่างทีมต่างๆนั้นไม่ขึ้นอยู่กับแมวมองฝ่ายเดียวเท่านั้น

965
       อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ถือเป็นผู้จัดการทีมอีกหนึ่งรายจากไม่กี่รายที่สามารถคุมทีมฟุตบอลทีมเดิมทีมเดียวเป็นระยะเวลาหลายปีติดต่อกัน โดยเวนเกอร์เริ่มคุมทีมอาร์เซน่อลมาตั้งแต่ปี 1996 จนถึงปัจจุบันปี 2013 นับรวมระยะเวลาได้เบ็ดเสร็จก็ 17 ปีเข้าไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าระยะเวลาการคุมทีมฟุตบอลทีมเดียวถึงขนาด 17 ปีนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้จัดการทีมฟุตบอลคนใดเลย จริงๆในปัจจุบันเอาแค่ให้ผ่านประมาณ 1-2 ฤดูกาลติดต่อก็เป็นเรื่องยากแล้ว ก็อย่างที่เราเห็นกันในข่าวจนชินตาว่าผู้จัดการทีมคนนั้น คนนี้โดนปลดออกจากตำแหน่ง บางรายทำทีมยังไม่ผ่านพ้น 1 ฤดูกาลเลยด้วยซ้ำ

       แต่จะว่าอาร์เซน เวนเกอร์เป็นกุนซือที่เก่งกาจ พาทีมอาร์เซน่อลประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ คว้าแชมป์ได้ทุกฤดูกาลติดต่อกันจนอาร์เซน่อลไม่อาจปลดลงจากตำแหน่งได้นั่นก็ไม่ใช่เหมือนกัน เพราะความเป็นจริงที่เราเห็นคืออาร์เซน่อลภายใต้การคุมทีมของเวนเกอร์ก็เป็นทีมที่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จได้ง่ายๆ โดยเฉพาะในหลายปีหลังที่เชลซี แมนฯซิตี้ก้าวขึ้นมาเป็นทีมชั้นนำในพรีเมียร์ลีก แถมจะตัดอาร์เซน่อลออกจากวงจรการคว้าแชมป์ไปเลย คือในปัจจุบันซึ่งอาจรวมถึงฤดูกาลนี้ด้วยพวกเขาทำได้ดีที่สุดแค่เพียงการลุ้นอันดับไปเล่นฟุตบอลยุโรปเท่านั้น แต่กระนั้นก็เถอะถ้ามองกันที่คุณภาพทีม ขุมกำลังที่มี ลักษณะการใช้จ่ายงบประมาณในการซื้อนักเตะ เวนเกอร์ทำทีมได้เท่านี้ผมคิดว่าไม่มีอะไรน่าเสียหาย

       ออกจากค่อนไปทางดีด้วย ซึ่งบรรดาบอร์ดบริหาร เจ้าของทีมปืนใหญ่เองก็คงคิดแบบนั้น ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ตัดสินใจเตรียมต่อสัญญาให้กับอาร์แซน เวนเกอร์ ออกไปอีกประมาณ 2 ปี ทั้งๆที่ก็มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่าแฟนบอลปืนใหญ่ รวมถึงหลายๆเริ่มไม่พึงพอใจการทำทีมของเวนเกอร์หรอกครับ ทว่าหลังจากต่อสัญญาออกไปแล้ว และระยะเวลาสัญญาสิ้นสุดลงแล้ว หลังจากนั้นเราก็คงไม่ทราบได้อยู่ดีว่าอนาคตระหว่างเวนเกอร์กับอาร์เซน่อลที่ร่วมเดินด้วยกันมาเป็นเวลาหลายปีจะเป็นอย่างไรต่อ จะเป็นลักษณะของการอยู่คุมทีมยาวๆจนวางมือเหมือนเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรือจะย้ายไปคุมทีมอื่นในช่วงปลายอาชีพคุมทีมมันก็ล้วนแต่เป็นไปได้ทั้งนั้น

966
ข่าวฟุตบอล / "โอซิล" โดนขายเพราะติดหญิง?
« เมื่อ: กันยายน 11, 2013, 08:47:22 PM »
       จริงหรือไม่จริงประการใดยังไม่อาจทราบได้ สำหรับการเปิดเผยของสื่อสเปนรายนึงเกี่ยวกับสาเหตุที่เมซุส โอซิล มิดฟิลด์ตัวเก่งโดนขายออกจากทีมราชันชุดขาว รีล มาดริด แต่ที่แน่ๆก็เรียกความสนใจจากบรรดาคอบอลได้พอสมควร โดยสาเหตุที่สื่อสเปนรายนึงตีข่าวนั้นเป็นในทำนองว่าเมซุส โอซิลนั้นติดแฟนสาว ชอบใช้เวลาในการเดินทางไปหาแฟนสาวที่ประเทศอิตาลี และฝรั่งเศสบ่อยๆ คือว่างเมื่อไหร่ก็เดินทางไปทันที ด้วยความที่เดินทางไกลๆบ่อยเลยทำให้สภาพร่างกายไม่ฟิต โชว์ฟอร์มในช่วงหลังๆได้ไม่ดี

       ทั้งนี้ยังระบุว่าทางสโมสรมาดริดได้พูดเตือนเรื่องนี้กับทางโอซิล โดยบอกว่าโอซิลควรให้ความสนใจกับฟุตบอลเป็นอันดับแรก และเรื่องของแฟนสาว หรือผู้หญิงนั้นควรจะเป็นเรื่องรองลงมา อย่างไรก็ตามข่าวคราวการเปิดเผยสาเหตุดังกล่าวที่ออกมาก็มีกระแสของคนที่ไม่ใช่เชื่อจำนวนมาก คือบ้างก็ว่าเป็นเพราะมาดริดโดนโจมตีหนักจากกรณีซื้อแกเร็ธ เบลในราคาแพงๆมาแล้วขายโอซิลไปให้ปืนใหญ่ อาร์เซน่อลในราคาที่ต่ำกว่าเบลเป็นเท่าตัว ก็เลยมีข่าวออกมาแก้ต่างให้ทางด้านมาดริดเป็นธรรมดา แต่ถึงกระนั้นแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องจริง หรือเป็นเพียงข่าวแก้ต่างให้กับสโมสรมาดริดเท่านั้น ส่วนตัวผมก็คิดว่าเป็นข่าวที่ถือว่าเป็นประโยชน์แก่นักเตะอาชีพรายอื่นๆในด้านของการดูแล รักษาสุขภาพ ความฟิตของร่างกายได้ดีทีเดียว ประมาณว่ามีนักเตะอาชีพรายอื่นๆมาเห็นข่าว อ่านข่าวแล้วก็ทำให้ฉุกคิดเรื่องการดูแลสุขภาพ ความฟิตของร่างกายตนเองขึ้นมา

       ด้วยเกรงว่าถ้าร่างกายไม่ฟิต อาจจะโชว์ฟอร์มได้ไม่ดี และหมดอนาคตกับสโมสรต้นสังกัดได้ง่ายๆเหมือนกัน ก็เหมือนกับข่าวของเวนย์ รูนี่ย์ในตอนที่ทีมแพทย์ของทางด้านแมนฯยูไนเต็ดออกมาเปิดเผยว่ารูนี่ย์ไม่ชอบเข้ายิมไม่ชอบออกกำลังกาย เลยทำให้สภาพความฟิตไม่ดี ซึ่งข่าวนั้นผมก็ว่าทำให้นักเตะหลายๆรายได้ฉุกคิดเรื่องการรักษาสภาพความฟิตของร่างกาย รวมถึงการพัฒนาความแข็งแกร่งของร่างกายตนเองขึ้นมาด้วย

967
ข่าวฟุตบอล / "เบนเตเก้" จะมาแทน "รูนี่ย์"!!
« เมื่อ: กันยายน 10, 2013, 05:02:05 PM »
       แม้ว่าหัวหอกตัวเก่งของทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด (เวนย์ รูนี่ย์) จะยังไม่ย้ายออกจากทีมไปไหนหลังจากที่ตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ได้ปิดตัวลงไปเรียบร้อยแล้ว แต่ดูเหมือนว่าต้นสังกัดของนักเตะนั้นก็ยังคงเตรียมการสำหรับการรองรับการย้ายทีมของนักเตะอยู่ โดยขณะนี้มีรายงานข่าวออกมาว่าทางด้านเดวิด มอยส์ อดีตกุนซือทีมทอฟฟี่นั้นเล็งเป้าหมายไปที่คริสติย็อง เบนเตเก้ หัวหอกของทีมแอสตัน วิลล่า และจะทำการยื่นซื้อตัวในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะรอบสอง (เดือนมกราคม) เปิดขึ้น

       อย่างไรก็ตามคาดว่าดีลนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องง่ายสำหรับทีมปีศาจแดงเท่าไหร่นัก เพราะแอสตัน วิลล่าเองก็ดูจะมีความต้องการเก็บตัวคริสเตย็อง เบนเตเก้เอาไว้ใช้งานเป็นตัวหลักในแดนหน้าให้กับทีมต่อไป และถึงแอสตัน วิลล่าจะยินยอมขายเบนเตเก้ออกจากทีม ก็อาจจะมีทีมอื่นๆที่เข้ามามีเอี่ยวเป็นคู่แข่งแย่งตัวเบนเตเก้ไปร่วมทัพเช่นกัน ส่วนว่ารูนี่ย์จะย้ายออกจากทีมจริงหรือไม่? คือตอนนี้ก็ต้องบอกว่ามีความเป็นได้ การที่แมนฯยูไนเต็ดจะเล็งเบนเตเก้เอาไว้ แล้วทำให้หลายคนเข้าใจว่าน่าจะต้องการเอามาแทนที่รูนี่ย์นั้น มันก็เป็นอะไรที่เป็นเหตุเป็นผล กระนั้นในขณะเดียวกันถ้าเราจะวาดภาพว่าแมนฯยูไนเต็ดซื้อเบนเตเก้เข้าทีมแล้วรูนี่ย์ก็ไมได้ย้ายไปไหน ยังคงอยู่กับทีมต่อไปมันก็เป็นไปได้เช่นกัน ด้วยแมนฯยูไนเต็ดเป็นสโมสรที่มีขนาดทีมใหญ่อยู่แล้ว

       การมีนักเตะกองหน้าให้เลือกใช้งานหลากหลาย ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร สไตล์กองหน้าแบบรูนี่ย์ กับ เบนเตเก้ก็ต่างกันอยู่แล้วด้วย เบนเต้เก้เป็นกองหน้าที่รูปร่างสูงใหญ่ มีความแข็งแกร่งของร่างกายเยอะ ทว่าในส่วนของทักษะอาจไม่เทียบเท่าเวนย์ รูนี่ย์ ส่วนประวัติส่วนตัวคร่าวๆของเบนเตเก้ก็เป็นดังนี้ เกิดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ปี 1990 ที่คองโก เป็นนักเตะสัญชาติเบลเยี่ยม ส่วนสูง 194 เซนติเมตร ก่อนย้ายมาเล่นให้กับแอสตัน วิลล่า เคยเล่นให้กับสตองดา ลีแอช และแก็งค์ โดยได้ย้ายมาจากแก็งค์ในปี 2012

968
       ทำเอากองเชียร์ทีมสิงห์บูล เชลซี รู้สึกงงๆ + รู้สึกกังวลอยู่นานว่ามิดฟิลด์จอมเทคนิคของทีม “ฮวน มาต้า” อาจจะไม่เลือกฝากอนาคตไว้กับทีมต่อไปแล้ว เพราะนับตั้งแต่โจเซ่ มูริญโญ่หวนมาคุมทีม ดูเหมือนกองกลางรายนี้จะไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีม และถูกตัดออกจากสารบบของทีมไปเลยทีเดียว รวมทั้งมีข่าวว่าทีมนั้น ทีมนี้ ทั้งในเกาะอังกฤษเอง และจากต่างแดน พากันรุมจีบล่าลายเซ็นของฮวน มาต้า กันยกใหญ่ แต่ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมายืนยันหนักแน่นเองแล้วว่าต้องการอยู่กับทีมสิงห์บูลต่อไป

       พร้อมทั้งแสดงควมเชื่อมั่นว่าการที่ตนเองไม่ได้ถูกมูริญโญ่เลือกส่งลงสนามในช่วงต้นฤดูกาลนั้น ไม่ได้เป็นเพราะว่าตนเองไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของกุนซือคนใหม่นี้ หากแต่เป็นเพราะสภาพร่างกายที่ไม่ฟิตพอ ฉะนั้นเจ้าตัวจึงไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร ทั้งนี้ก่อนหน้าที่มาต้าจะออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ มูริญโญ่เองก็เคยยืนยันกับนักข่าวอยู่ราว 2-3 ครั้งว่าฮวนมาต้านั้นไม่ใช่นักเตะที่มีไว้ขาย และตัวนักเตะจะยังคงมีอนาคตกับทีมต่อไป แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะยืนยันหนักแน่นถึงอนาคตที่ถิ่นสแตมฟอร์ดบริจด์ ทว่าในความคิดส่วนตัวของผมก็ยังคิดว่าไม่มีอะไรแน่นอนอยู่ดี มันอยู่ที่ว่าหลังจากนี้มาต้าจะเริ่มได้รับโอกาสลงสนามบ้างหรือเปล่า และจะได้กลับมาเป็นตัวหลักของทีมสิงห์บูลในช่วงก่อนตลาดนักเตะรอบสองเปิดหรือไม่

       หากว่ายังคงนั่งสำรอง ได้ลงสนามบ้าง ไม่ได้ลงสนามบ้าง คือไม่ใช่ตัวจริงสม่ำเสมอเหมือนยุคของกุนซือคนก่อน เป็นไปได้สูงที่มาต้าจะกลับลำโบกมือลาสิงห์บูล ตรงกันข้ามถ้าเขาหวนกลับมาเป็นตัวหลักได้ในเร็ววัน อนาคตก็คงอยู่ยาวๆกับทีมสิงห์บูลต่อไป อย่างไรก็ตามผมมองว่ายากสำหรับการกลับมาเป็นตัวหลักในทีมแบบยาวๆ ด้วยลักษณะการทำทีมของมูริญโญ่ที่อาจจะมีการหมุนเวียนนักเตะบ่อย ประกอบกับสไตล์ของมาต้านั้นไม่น่าจะใช่นักเตะตามสเปกที่มูริญโญ่วางไว้เป็นตัวทำเกม หรือกองกลางตัวรุก ฉะนั้นต้องมาลุ้นกับครับว่าสุดท้ายแล้วเมื่อตลาดซื้อขายนักเตะรอบสองเปิดขึ้นอนาคตของมาต้าจะเป็นอย่างไรต่อไป

969
       ทีมฟุตบอลทีมหนึ่งไม่ว่าจะเป็นทีมเล็ก ทีมใหญ่ก็ตามย่อมต้องมีนักเตะในทีมจำนวนมากอยู่แล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ 11 คนที่พร้อมสำหรับการลงสนามในแต่ละแมท และแน่นอนว่าด้วยความที่ทีมฟุตบอลประกอบไปด้วยผู้เล่นจำนวนมากขนาดนั้น สิ่งสำคัญของทีมฟุตบอลอย่างนึง ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นส่วนประกอบของความสำเร็จสำหรับทีมฟุตบอลเลยก็คือ การสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างนักเตะในทีม หรือการทำให้นักเตะในทีมนั้นสทินสนมรักใคร่กลมเกลียวกันนั่นเอง

       เพราะถ้าเป็นแบบต่างคน ต่างอยู่ ต่างคนต่างเล่นฟุตบอล ไม่ได้สนิทสนม ไม่ได้พูดคุยกัน มันก็จะไม่เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่เกิดเป็นความรัก ความผูกพันต่อสโมสรร่วมกัน และไม่อยากที่จะประสบความสำเร็จร่วมกัน ก็คล้ายๆกับลักษณะการทำงานที่เดินเข้าไปทำงานในองค์กร ในออฟฟิศเป็นประจำทุกวัน แต่ไปเพียงเพราะต้องการเงินเดือน หรือค่าจ้าง หาได้มความผูกพัน มีสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนร่วมงาน และหาได้ต้องการร่วมกันนำพาองค์กรให้ประสบความสำเร็จไม่ ซึ่งเมื่อเป็นแบบนั้นองค์กร หรือบริษัทนั้นก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ ปัจจุบันหลายองค์กรจึงมีการจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อกระชับความสัมพันธ์ของบุคคลากรในองค์กรให้แน่นแฟ้นมากขึ้น เพื่อที่จะได้นำไปสู่ความสำเร็จขององค์กร แน่นอนครับกับทีมฟุตบอลก็วิธีต่างๆที่ใช้การเชื่อมความสัมพันธ์อันดีของนักเตะในทีม ซึ่งที่เห็นโดยมากส่วนใหญ่ตอนนี้ก็เป็นเรื่องของการจัดสถานที่ให้เอื้อต่อการทำกิจกรรมยามว่างร่วมกัน

       เวลาหลังจากซ้อมฟุตบอลเสร็จนักฟุตบอลจะได้มีกิจกรรมทำร่วมกัน และเกิดการพูดคุยกัน มีความสัมพันธ์มีมิตรภาพที่ดีเกิดขึ้นก็อย่างที่เราเห็นๆกันตามภาพที่เผยแพร่ออกมาของนักฟุตบอลคนต่างๆ เช่น กิจกรรมการเล่นกีฬาเทเบิลเทนนิสร่วมกันกับเพื่อนๆนักฟุตบอลในทีมเดียวกัน การเล่นแข่งขันเกมต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้ก็อาจรวมไปถึงงานเลี้ยงต่างๆที่สโมสรฟุตบอลจัดขึ้นเพื่อให้นักเตะ ทีมงาน สต๊าฟโค้ชของทีมเข้าร่วมและเกิดการพูดคุย ทำความรู้จักกันให้มากขึ้นกว่าการเตะฟุตบอลด้วยกันเท่านั้น

970
       แน่นอนครับจุดประสงค์ของการซื้อนักเตะใหม่เข้ามา หรืออาจเรียกได้ว่าประโยชน์นั้นก็คือเพื่อการใช้งานนักเตะ ใช้งานความสามารถของนักเตะ ทำให้สโมสรมีนักเตะให้เลือกใช้งานมากยิ่งขึ้น และถ้านักเตะที่ซื้อเข้ามาเป็นนักเตะเก่งๆ นักเตะระดับบิ๊กเนม ความสามารถสูงก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อทีมในด้านการยกระดับมาตรฐานของทีม แต่กระนั้นนอกเหนือจากประโยชน์เหล่านี้แล้วทีมฟุตบอลที่ซื้อนักเตะใหม่เข้ามาในทีมก็จะได้รับประโยชน์ในอีกด้านนึง นั่นคือ การทำให้นักเตะเดิมที่มีอยู่ในทีมนั้นพัฒนาฝีเท้าขึ้นมา มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการลงแข่ง ในการฝึกซ้อมมากขึ้น

       เพราะอะไรถึงเป็นอย่างนั้น ก็เพราะว่าเมื่อมีนักฟุตบอลคนใหม่ย้ายเข้ามาค้าแข้งในทีม ความรู้สึกของนักเตะคนเดิมๆ โดยเฉพาะกับนักเตะในตำแหน่งเดียวกัน หรือในตำแหน่งใกล้เคียงกันจะรู้สึกว่าในทีมมีการแข่งขันที่สูงขึ้นกว่าเดิม ฉะนั้นจำเป็นมากที่ตนเองจะต้องพัฒนาฝีเท้า และตั้งใจกับการฝึกซ้อมให้มากยิ่งขึ้น เพื่อจะได้แข่งขันกับนักเตะคนใหม่ๆที่ย้ายเข้ามาในสโมสรได้ และไม่ทำให้โอกาสในการลงสนามของตนเองถูกบดบังโดยนักเตะใหม่ที่ย้ายเข้ามา จะบอกว่าประโยชน์ของการซื้อนักเตะใหม่เข้ามาในทีมคือการทำให้นักเตะคนเดิมๆรู้สึกว่าตนเองต้องพิจารณาตัวเองว่าดีพอสำหรับทีมแล้วหรือเปล่าก็ว่าได้ครับ แต่ทว่าส่วนนึงก็จะต้องอยู่ที่สภาพจิตใจของนักเตะแต่ละคนด้วย

       นักเตะบางคนมีสภาพจิตใจที่อ่อนแอหน่อยเวลามีนักเตะใหม่เข้ามา ก็อาจเกิดความท้อแท้ รู้สึกว่าตนเองกำลังจะถูกแทนที่โดยนักเตะใหม่ แล้วก็เลยพาลให้การฝึกซ้อมแย่ลง ฝีเท้าด้อยกว่าเดิม โชว์ฟอร์มไม่ออกก็เป็นได้เช่นกัน ดังนั้นทุกครั้งที่มีนักเตะใหม่ๆย้ายเข้ามาในทีม นอกจากผู้จัดการทีมจะต้องดูแลเทคแคร์นักเตะใหม่ๆนั้นแล้ว ยังจำเป็นที่ผู้จัดการทีมจะต้องคอยพูดคุยกับนักเตะเก่าๆให้กำลังใจ ใช้จิตวิทยาในการกระตุ้นความมุ่งมั่นของนักเตะออกมาให้ได้ด้วย

971
ข่าวฟุตบอล / "กาก้า" กับการหวนซบทีมเก่า
« เมื่อ: กันยายน 07, 2013, 07:03:37 PM »
       เป็นที่ชัดเจนแล้วครับว่าทางด้าน ริคาโด้ กาก้า เพลย์เมกเกอร์ฟอร์มตกของทีมราชันชุดขาว รีล มาดริด น่าจะได้ย้ายกลับทีมเก่าอย่างปีศาจแดงดำ เอซี มิลาน ทีมดังแห่งอิตาลี ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวนั้นได้มีการตกลงกับสโมสรได้แล้วว่าจะยอมลดค่าเหนื่อยของตนเองลงมาจากเดิมที่เคยได้รับจากมาดริดตกปีละ 6 ล้านยูโร ให้เหลือเพียงปีละ 4 ล้านยูโร ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสิ่งที่ทำให้เอซี มิลานตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในการนำมิดฟิลด์รายนี้กลับเข้ามาอยู่กับทีมอีกครั้ง

       ก็เรียกได้ว่าน่าจะแฮปปี้กันทั้ง 3 ฝ่าย ทั้งกาก้า สโมสรรีล มาดริด และสโมสรเอซี มิลาน กาก้าก็ได้ย้ายทีม และน่าจะได้โอกาสในการลงเล่นมากขึ้นสมใจ มาดริดก็ได้ตัดภาระเรื่องของค่าเหนื่อยนักเตะที่ไม่จำเป็น และไม่ค่อยได้ใช้งานออกไป เอซี มิลานก็ได้ผู้เล่นที่เข้ามาทดแทนการย้ายไปของเควิน ปริ้น บัวเต็ง ที่ไปเล่นในเยอรมันกับทีมชาลเก้ 04 แต่จะเป็นการแฮปปี้ หรือมีความสุขกันแบบยาวหรือไม่ อันนี้เราก็ต้องมาตามดูกันครับ เพราะอะไรถึงว่านั้น ก็เพราะถ้ากาก้าย้ายไปมิลานแล้วยังกู้ฟอร์มเก่งกลับมาไม่ได้มันก็เข้าเรื่องเก่าๆ คืออาจนั่งไปนั่งเป็นตัวสำรองในทีมเอซี มิลาน เหมือนตอนนั่งสำรองอยู่ในทีมมาดริด มิลานก็เปลืองเงินค่าเหนื่อยที่ต้องจ่ายให้กาก้าเหมือนกับที่มาดริดนั่นแหละ

       มันก็กลายเป็นเรื่องของการคิดทบทวนแล้วว่าการดึงกาก้ากลับมาในทีมนั้นเป็นอะไรที่คิดถูก หรือคิดผิด แต่ถ้ากาก้ากลับมาอยู่มิลานแล้วโชว์ฟอร์มได้โดดเด่น กลับมาเป็นเหมือนกาก้าคนเดิมเมื่อ 5-6 ปีก่อน งานนี้ฝ่ายที่จะไม่รู้สึกแฮปปี้ก็คือทางด้านรีล มาดริดที่ตอนมีกาก้าอยู่ในทีมกลับไม่ให้โอกาสกาก้าได้ลงสนามมากพอ ประมาณว่าอาจเกิดอารมณ์เสียดาย แต่ก็ไม่แน่ครับ บางทีเบลอาจโชว์ฟอร์มได้สุดยอดโดดเด่นจนรีล มาดริด ลืมนักตะทุกรายที่เคยผ่านเข้ามาในถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาบิว แล้วก็ผ่านเลยออกไปก็เป็นได้ครับ
 

972
       ก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าแบรนแดน ร็อดเจอร์ส มีความหลังฝังใจอะไรกับตำแหน่งกองหลัง ในตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์รอบปัจจุบันที่เพิ่งปิดไปทีมหงส์แดงถึงได้กวาดกองหลังมาเสริมทีมอย่างชนิดที่เรียกว่าจัดหนัก ประมาณว่าถ้าแบ่งนักเตะตำแหน่งกองหลัง (เซ็นเตอร์) ออกเป็นคู่ๆสำหรับลงสนามนี้จะแบ่งได้ถึงอย่างน้อย 3 คู่เลยทีเดียว คือตอนนี้เซ็นเตอร์ลิเวอร์พูล ประกอบไปด้วย แอ็กเกอร์ สเคอเทล ตูเร่ ซาโก้ อิลอรี่ โคอาเตส แล้วก็ยังมีเคลลี่ กับวิสดอมอีกที่สามารถเล่นได้ทั้งแบ็กและเซ็เนเตอร์ด้วย นับรวมเท่านี้ก็ได้ทั้งหมด 8 รายแล้ว

       และถ้านับนักเตะที่เป็นแบ็กสองข้างรวมด้วย (เช่น เอ็นริเก้ จอห์นสัน ซิสโซโก้) ก็น่าจะมีกองหลังรวมไม่ต่ำกว่า 11 รายแล้ว คิดๆไปแล้วก็เกิดคำถามคาใจว่ามันมากเกินไปหรือเปล่า การมาของตูเร่แล้วทำให้แผงหลังของลิเวอร์พูลดีขึ้นทำให้ร็อดเจอร์สอยากเสริมทัพด้วยนักเตะกองหลังมากมายขนาดนี้เลยหรือ แล้วความเป็นจริงลิเวอร์พูลมีปัญหาในแนวรับมากถึงขนาดต้องเสริมทัพกองหลังยกใหฐ่ขนาดนี้หรือ แต่ก็นั่นแหละเหลือใช้ยังดีกว่าไม่พอใช้ ถึงวันนี้จะมากเกินไป แต่วันหน้าหากใครเกินความจำเป็นสำหรับทีมจริงๆก็สามารถขายออกจากทีมได้ ร็อดเจอร์สอาจจะคิดแบบนั้นก็ได้ อีกอย่างการเสริมทัพในตำแหน่งผู้รักษาประตู และกองหลังของร็อดเจอร์ในตลาดซื้อขายนักเตะรอบนี้ก็ถือเป็นอะไรที่ได้รับคำชมจากเดอะค็อปหลายคนมาก ว่าเสริมได้ดี เสริมได้ตรงจุด

       แล้วผลลัพธ์ที่เริ่มเห็นก็คือผลการแข่งขันที่ดีสำหรับทีมอย่างที่ผ่านมาใน 4 นัดของต้นฤดูกาลนี้ อย่างไรก็ตามในส่วนของตำแหน่งอื่นๆที่ไม่ใช่กองหลัง ก็ถือว่าลิเวอร์พูลทำหน้าที่ในตลาดซื้อขายนักเตะรอบนี้ได้ดีเหมือนกัน โดยเฉพาะการดึงเอาวิคเตอร์ โมเซสเข้ามาในช่วงก่อนตลาดปิด กับการที่รั้งตัวซัวเรซไม่ให้ย้ายทีมได้นั้นถือเป็นการทำให้ตำแหน่งเกมรุกของลิเวอร์พูลดูดีมีประสิทธิภาพอย่างที่ควรจะเป็นเลยทีเดียว

973
       ปฏิเสธไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง สองบิ๊กดีลที่เกิดขึ้นในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะ คือดีลขอลมารูยาน เฟลไลนี่ที่แมนฯยูไนเต็ดไปดึงมาจากเอฟเวอร์ตัน กับดีลของเมซุส โอซิล ที่อาร์เซน่อลไปดึงมาจากรีล มาดริด ถือเป็นสองสุดยอดดีลที่ถูกจับตามองมากที่สุด และไม่ใช่การจับตามองเฉพาะช่วงที่เกิดการซื้อขาย หรือลุ้นว่าทั้งคู่จะย้ายทีมจริงหรือไม่เท่านั้น หากแต่เป็นการจับตามองชนิดติดตามถึงผลงานหลังจากที่ย้ายทีมแล้วด้วย เพราะอะไรคงไม่ต้องสงสัยกันให้เหนื่อยเลยครับ

       ก็ความหวังที่มาจากทีมใหม่ที่ได้ตัวนักเตะทั้งสองรายนั้นไปอยู่ด้วยนั่นแหละ ทั้งจากผู้จัดการทีมแล้วก็แฟนบอลด้วย อาร์เซน่อลก็คาดหวังว่าการมาของเมซุส โอซิลจะเข้ามาสร้างความแตกต่างให้กับทีมอย่างแท้จริง ประมาณว่าเป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยพลิกโฉมหน้าของทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อลให้ดูดีไฉไลจากทีมลุ้นอันดับไปเล่นฟุตบอลยุโรปกลายมาเป็นทีมที่ได้ลุ้นแชมป์ อะไรประมาณนั้น แมนฯยูไนเต็ดเองก็หวังว่าการดึงเอาเฟลไลนี่เข้ามาจะกลายเป็นกุนแจสำคัญในแดนกลาย และส่งผลให้แมนฯยูไนเต็ดจากเดิมที่เริ่มเปลี่ยนผู้จัดการทีมแล้วรู้สึกไม่แน่นอนว่าจะลุ้นแชมป์ได้ไหมให้ยังคงเป็นทีมที่ได้ลุ้นแชมป์ต่อไปได้ ซึ่งมันน่าสนใจมากๆว่านักเตะสองรายนี้จะทำสำเร็จไหมท่ามกลางความคาดหวังเหล่านั้น

       และถ้าจะให้ยกตัวอย่างเปรียบเทียบนักเตะใหม่ของทีมใหม่ที่เกิดการย้ายทีมขึ้นในตลาดซื้อขายรอบล่าสุด แล้วเป็นผู้ถูกคาดหวังว่าจะเป็นคีย์แมนสำคัญในกับทีมอย่างนักเตะสองรายที่ยกตัวอย่างคือ โอซิล และ เฟลไลนี่ ผมก็เห็นจะมีทางด้านมิโญเล่ ผู้รักษาประตูถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นจากทีมแมวดำ ซันเดอร์แลนด์แล้วย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พูล คือรายนี้แหละที่สามารถทำตามความคาดหวังได้สำเร็จ เป็นผู้เปลี่ยนโฉมหน้าลิเวอร์พูลได้อย่างแท้จริง ซึ่งแน่นอนว่าบรรดาแฟนบอลผีแดง และแฟนปืนใหญ่ก็คงหวังให้นักเตะใหม่ของตนเองเข้ามาเป็นผู้เปลี่ยนแปลงทีมได้เฉกเช่นมิโญเล่ที่เปลี่ยนแปลงลิเวอร์พูล


974
       ต้องบอกว่าเป็นผู้โชคร้ายจริงๆ สำหรับสองนักเตะฝีเท้าดี จากสองสโมสรที่ยิ่งใหญ่ ฮวน มาต้า ของเชลซี และ ชินจิ คางาวะ ของแมนฯยูไนเต็ด เพราะพอเข้าสู่การเปลี่ยนถ่ายยุคจากผู้จัดการทีมคนนึงสู่ผู้จัดการทีมอีกคนนึง เขาทั้งสองก็ถูกมองข้าม หรืออาจกล่าวได้ว่าแปรเปลี่ยนจากนักเตะคนสำคัญ นักเตะที่ดูดีมีอนาคตในทีมกลายเป็นนักเตะที่ไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของผู้จัดการทีมเลย ซึ่งจะไปแล้วเรื่องแบบนี้มันก็เกิดให้เรากันได้บ่อยๆนั่นแหละ ด้วยยุคสมัยปัจจุบันของฟุตบอลนั้น การเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีม การเปลี่ยนระบบทีมถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นเรื่อยๆ

       แต่ด้วยความที่ฮวน มาต้า และชินจิ คางาวะ นั้นเป็นนักเตะที่ฝีเท้าดี มีชื่อเสียงโด่งดัง มันจึงเป็นอะไรที่น่ากล่าวถึง และขณะเดียวกันก็น่าสงสัยว่าทำไมผู้จัดการทีมคนใหม่ของสองสโมสรไม่ลองให้โอกาสสองนักเตะนี้ดูบ้าง คือไม่คิดที่จะไว้ใจในตัวของสองนักเตะนี้เหมือนที่แฟนบอล กับผู้จัดการทีมคนเก่าไว้วางใจให้การสนับสนุนเข้ามาโดยตลอดบ้างเลยหรือ? อย่างรายของชินจิ คางาวะ เราทราบกันดีว่าเขาเป็นนักเตะที่เซอร์ อเล็กซ์ เลือกเข้ามา ถึงแม้ว่าในฤดูกาลที่แล้วเซอร์ อเล็กซ์อาจจะยังไม่ได้ส่งลงสนามในฐานะของตัวหลักเป็นประจำ แต่ก็ให้โอกาสลงสัมผัสเกมการแข่งขันเรื่อยๆ แล้วก็ดูเหมือนว่าเขาจะหวังว่าในอนาคตคางาวะจะก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่กับทีมแมนฯยูไนเต็ดได้

       ส่วนในรายของมาต้า รายนี้แถมไม่ต้องสงสัย ย้ายเข้ามาอยู่กับเชลซีแล้วก็สามารถเป็นกำลังสำคัญในแนวรุกของเชลซีได้ทันที โชว์ฟอร์มการเล่นได้ดียอดเยี่ยม แถมในฤดูกาลที่แล้วก็สามารถการันตีผลงานส่วนตัวของตัวเองด้วยการคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของสโมสรเชลซีไปครองได้ด้วย แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ก็อย่างว่าแหละครับ ผู้จัดการทีมคือผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในการตัดสินใจว่าจะเลือกใช้งานนักเตะคนใด จะเลือกทำทีมแบบไหน ระบบการเล่นอย่างไร ดังนั้นหากว่าทีมเลือกผู้จัดการทีมคนใดเข้ามาทำหน้าที่แล้วก็คงจะต้องยอมรับในการตัดสินใจของผู้จัดการทีมคนนั้นด้วย คือจะบอกว่าคงไม่อาจทำอะไรได้มากกว่าลุ้นให้สิ่งที่ผู้จัดการทีมคนนั้นๆเลือกเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ทำให้ผลงานของทีมออกมาอย่างที่คาดหวังไว้

975
       สำหรับคนอื่นไม่รู้ยังไง แต่สำหรับเดวิด มอยส์แล้ว การดึงตัวมารูยาน เฟลไลนี่ กองกลางผมฟูมาจากเอฟเวอร์ตันด้วยค่าตัวสูงปรี๊ดดูเหมือนจะเป็นอะไรที่ถูกอกถูกใจเจ้าตัวเป็นอย่างยิ่ง โดยเดวิด มอยส์เปิดใจภายหลังเซ็นต์สัญญากับแข้งรายนี้ว่าเป็นอะไรที่ดีมากๆ พร้อมชี้ว่านี่คือการเซ็นต์สัญญาที่ถูกจุดจริงๆ เนื่องจากทัพผีแดงขาดผู้เล่นในตำแหน่งนี้ ทั้งยังอวยว่าเฟลไลนี่เป็นกองกลางที่เล่นได้หลากหลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นกลางรุก ยืนหลังกองหน้า กลางรับ มิดฟิลด์ตัวคุมเกม

       คือเรียกได้ว่าพื้นที่บริเวณกลางๆสนามทั้งหมด มอยส์การันตีเลยว่าเฟลไลนี่เล่นได้หมด อย่างไรก็ตามมอยส์ยังชี้ไปถึงสาเหตุว่าตอนนี้แมนฯยูไนเต็ดไม่มีพอล สโคลล์ที่แขวนสตั๊ดไปแล้ว และไม่มีเฟล็ทเชอร์ที่ประสบปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับลำไส้อยู่จึงต้องนำเฟลไลนี่เข้ามาในทีม แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ส่วนตัวผมว่าก็น่าคิดอยู่ว่าจริงๆแล้วในรายของมารูยาน เฟลไลนี่นั้นตอบโจทย์เดวิด มอยส์ ที่ต้องการทำทีมผีแดงให้ประสบความสำเร็จเฉกเช่นเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันแล้วหรือ? จะดีกว่าไหมถ้าเลือกใช้ทางด้านชินจิ คางาวะ คืออันนี้มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างขัดหูขัดตาแฟนบอลผีแดงหลายๆคนอย่างชัดเจนที่สุดเลยในช่วงต้นฤดูกาล โดยเดวิด มอยส์ เลือกที่จะไม่ให้โอกาสคางาวะในการลงสนามเลยทั้งๆที่ก็เห็นกันว่าแมนฯยูไนเต็ดต้องการผู้เล่นในตำแหน่งนี้

       และคางาวะก็เป็นนักเตะที่เซอร์ อเล็กซ์ ไว้ใจดึงตัวเข้ามาร่วมทีมด้วยตัวเอง โดยเฉพาะในเกมแดงเดือดที่บุกพ่ายหงส์แดง แฟนบอลผีแดงพากันฉะงน บางคนถึงขั้นโมโหเลยว่าทำไมในทีมไม่มีคางาวะ? แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ ผู้จัดการทีมแต่ละคนก็มีสไตล์การทำทีมที่แตกต่างกัน มีนักเตะในแบบที่ตนเองชื่นชอบไม่เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆเลยผมว่าถ้าการนำเฟลไลนี่เข้ามาด้วยค่าตัวระดับพันล้านบาท แล้วได้รับการสนับสนุนให้ลงสนามอย่างเต็มที่จากเดวิด มอยส์ ทว่าผลงานของผีแดงกลับไม่ดีขึ้น ยังส่อแววไร้แชมป์แบบนี้ อนาคตของมอยส์ในถิ่นโอลแทรฟฟอร์ดคงอยู่ไม่ยืดแน่นอนครับ

หน้า: 1 ... 63 64 [65] 66 67 68