เมษายน 30, 2024, 03:27:43 AM

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - 888Bullets

หน้า: 1 ... 139 140 [141] 142
2101

             ดาวรุ่งเลือดกระทิงดุของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล "ซูโซ่" ให้สัมภาษณ์เผยว่าเขาเกือบจะเซ็นสัญญาย้ายไปร่วมทีม "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด เต็มแก่ ก่อนที่ "ราฟาเอล เบนิเตซ" ซึ่งในสมัยนั้นเป็นผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล จะโทรศัพท์หาเขา

แข้งวัย 18 ปี ได้รับความไว้วางใจจากกุนซือตาหวาน "เบรนแดน ร็อดเจอร์ส" ให้ลงเล่นในเกมกับ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฐานะตัวสำรอง ซึ่งเขาสามารถโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยมีส่วนกับประตูที่ "สตีเฟ่น เจอร์ราด" ทำได้ด้วย

"ใช่เลย ผมเคยมีการเจรจาสัญญาฉบับหนึ่งซึ่งโดยพื้นฐานแล้วได้ตกลงกับทางเรอัล มาดริดเอาไว้"

"แต่ในตอนนั้นราฟาเอล เบนิเตซโทรหาผม และบอกผมว่าเขามีความเชื่อมั่นอย่างมากในตัวผม ซึ่งมันทำให้ผมตัดสินใจย้ายไปที่นั่น"


2102

               เจ้าของสโมสร "สิงห์โตน้ำเงินคราม" เชลซี "โรมัน อับราโมวิช" ทำการไฟเขียวให้กับกุนซือหน้าชินจัง "โรแบร์โต้ ดิ มัทเทโอ" ดึงตัวหัวหอกตัวเก่งของทีม "ตราหมี" แอตเลติโก มาดริดอย่าง "ราดาเมล ฟัลเกา" เข้าร่วมทีม โดยมีงบประมาณให้สูงถึง 45 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

มีการเปิดเผยว่า "สิงห์ไฮโซ" ได้ทำการเจรจาเบื้องต้นกับ "แอตเลติโก มาดริด" แล้ว โดยทาง "อากู๋" เปิดไฟเขียวให้กับบอร์ดบริหารในการดึงตัวหัวหอกรายนี้เข้าร่วมทีม หลังจากที่ทีมของเขาโดน "แอตเลติโก มาดริด" ถล่มเละเทะในรายการยูฟ่า ซูเปอร์ คัพเมื่อต้นฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่ง "ฟัลเกา" สามารถทำแฮตทริกได้ในเกมการแข่งขันดังกล่าว

"การเจรจาเบื้องต้นนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วสำหรับฟัลเกา" แหล่งข่าววงในสโมสรเชลซีเผย

"ท่านเจ้าของสโมสรต้องการให้ทุกๆอย่างเข้าที่เข้าทาง เพื่อทำให้การเจรจาลุล่วงก่อนที่จะมีสโมสรใดสโมสรหนึ่งเข้ามาร่วมวงด้วย"

2103

            ยอดทีมจากตุรกี "กาลาตาซาราย" สนดึงตัว "ริคาร์โด้ กาก้า" เพลย์เมกเกอร์หน้าหล่อ ของทีม "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด มาร่วมทีม เพื่อเสริมความแข่งแกร่งของทีม ในการเล่นฟุตบอลยุโรป

สำหรับ "กาก้า" นั้นค่อนข้างเป็นที่แน่นอนแล้วว่าเขาไม่มีอนาคต ในถิ่นซาติอาโก เบอนาเบว ภายใต้การคุมทีมของกุนซือสเปเชี่ยล วัน "โจเซ่ มูรินโญ่" ซึ่งทำให้เขามีข่าวลือเรื่องการย้ายทีมไปเล่นในลีกอื่นๆ เช่นในบราซิลบ้านเกิด,รัสเซีย หรือแม้แต่ในประเทศจีน

แต่ตอนนี้มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นตุรกี หลังจากประธานสโมสรของทีม "กาลาตาซาราย" บอกว่าสนใจดาวเตะรายนี้   

2104

                "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า ทีมดังแห่งแดนกระทิงดุ "สเปน" ได้เดินหน้าเปิดโต๊ะเจรจาคุยเรื่องมิดฟิลด์จอมทัพอย่าง "ชาบี้ เอร์นานเดซ" แล้วตามการให้สัมภาษณ์ของเอเยนต์นักเตะ

สัญญาปัจจุบันของ "ชาบี้" นั้นจะหมดลงในซัมเมอร์ปี 2014 และทีมดังจากแคว้นกาตาลันนั้นอยากจะรั้งตัวดาวเตะทีมชาติสเปนให้อยู่กับทีมต่อไปนานกว่านั้น

แข้งวัย 32 ปี ลงสนามไปกว่า 600 นัดให้กับ "บาร์เซโลน่า" แล้วนับตั้งแต่ประเดิมเกมแรกให้กับทีมในปี 1998 ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์มากมายทั้งลาลีก้า, แชมเปี้ยนส์ลีก, สแปนิช ซูเปอร์คัพ, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพและโคปา เดล เรย์

"พวกเขาอยากให้ชาบี้เป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดใหญ่บาร์เซโลน่าต่อและนี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเปิดโต๊ะเจรจา สัญญาเขาจะหมดในปี 2014 นะดังนั้นการรอไปจนถึงช่วงสิ้นฤดูกาลมันก็คงสายเกินไป"

"เราได้บรรลุข้อตกลงมาตลอดในครั้งก่อนๆและไม่เคยมีปัญหาเลย สิ่งสำคัญก็คือชาบี้รู้ว่าสโมสรยังไว้ใจเขาอยู่ ผมไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรหรอก"

2105
ศึกฟุตบอล "มาดริดดาร์บี้" เล่นกันแบบไร้รสชาติก่อนจะมาได้ "คาริม เบนเซม่า" รับหน้าที่ซัดเบิกร่องให้กับทีมบวกกับที่ "คริสติอาโน่ โรนัลโด้" ซัดจุดโทษให้ทีมซิว "ราโญ บาเญกาโน่" ที่เหลือกันแค่สิบคนในช่วงท้ายเกม 2-0 ขยับขึ้นที่ 7 คะแนนตามหลัง "บาร์เซโลน่า" 8 แต้ม



ฟุตบอลลาลีกา
วันจันทร์ที่ 24 กันยายน 2555
ราโญ บาเญกาโน่ 0 - 2 เรอัล มาดริด 
สนาม เอสตาดิโอ เดล ราโญ บาเญกาโน่

               ในช่วงครึ่งแรกลงสนามมาเจอกันได้เพียง 3 นาทีก็มีจังหวะได้เสียกันแล้วภายหลังดิ มาเรียเปิดฟรีคิกทางด้านซ้ายมาให้เปเป้ซึ่งวิ่งมาคนเดียวที่เสาไกลได้เทคตัวขึ้นโหม่งย้อนศรไปโดนรูเบนปัดทิ้งออกไปได้

แต่แล้วนาที 13 เรอัล มาดริดก็ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะสวนกลับเร็วที่โรนัลโด้ไหลบอลให้ดิ มาเรียลากไปทางริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนเปิดยัดเข้าไปหน้าประตูให้เบนเซม่าชาร์จที่เสาไกลไม่เหลือซาก

นาที 20 เกมโต้กลับของทีมเยือนหวิดแผงฤทธิ์อีกครั้งเมื่อเบนเซม่าลากจี้หาเขตโทษก่อนไหลออกขวาให้ดิ มาเรียล็อคตัดเข้าในแล้วปั่นหลุดเสาไกลเล่นเอาโรนัลโด้ที่ยืนรอในเขตโทษหัวเสียเล็กน้อย

อีก 5 นาทีให้หลังเรอัล มาดริดมีโอกาสจบสกอร์อีกครั้งเมื่อดิ มาเรียแทงบอลทะลุช่องเข้ากรอบเขตโทษด้านขวาให้โมดริชควบตามไปตะบันติดบล็อกของรูเบนที่ปรี่ออกจากเส้นประตูมาสกัดได้เร็ว

ราโญหวิดตีเสมอในนาที 33 เมื่อคาร์ลอสโยนบอลฝั่งขวามาให้เดลิเบซิชโขกติดเซฟของกาซิญาสบอลกระดอนไปเข้าทางลาบาก้าวอลเล่ย์สวนมาติดบล็อกบนเส้นของอลอนโซ่พออามัตยิงซ้ำก็หลุดเสา

หลังจากนั้นทั้งสองทีมไม่มีโอกาสพังประตูที่ชัดเจนอีกเลยทำเรอัล มาดริดเป็นฝ่ายนำราโญ บาเญกาโน่เมื่อจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-0 ขณะที่เปอร์เซนต์การครองบอลเท่ากันที่ 50-50

                ต่อมาในช่วงครึ่งหลังยังไม่มีการขยับตัวจากม้านั่งสำรองของทั้งสองฝ่ายแต่นาที 52 อาร์เบลัวจ่ายบอลคืนกาซิญาสไม่ดูให้ดีเลยไปเข้าทางเลโอโชคดีที่กองหน้าเจ้าถิ่นจับบอลไม่อยู่เลยตามเคลียร์กันได้

นาที 59 ทีมเยือนสมควรได้ลูกสองเมื่อดิ มาเรียถูกเสียบเต็มดอกที่ริมเส้นฝั่งซ้ายกลางสนามบอลไปเข้าทางเบนเซม่าควบไปยิงผ่านรูเบนตุงตาข่ายแต่ผู้ตัดสินดันเป่าฟาวล์โดนไม่ยอมให้เป็นลูกได้เปรียบ

เรอัล มาดริดมาได้ลูกโทษในนาที 69 เมื่อโรนัลโด้ซัดบอลไปโดนแขนของอามัตที่สไลด์มาบล็อกเต็มๆ ก่อนที่ปีกโปรตุกีสเลือกสังหารไปทางขวามือของตัวเองให้ทีมทิ้ง 2-0 ขณะที่รูเบนพุ่งไปอีกทาง

แต่อีกสามนาทีถัดมาโรนัลโด้กลับพลาดการทำประตูอย่างน่าตบกบาลเมื่ออิกวาอินที่ลากบอลมาทางด้านขวาอุตว่าห์จ่ายบอลถวายพานมาให้ชาร์จโล่งๆที่เสาไกลแต่เจ้าตัวดันแอ็คมากเลยยิงไปชนเสา

หลังจากนั้นมูรินโญ่ส่งเคห์ดิร่าลงมาแพ็คเกมแดนกลางแทนดิ มาเรียซึ่งก็ทำได้ดีก่อนที่ช่วงนาทีสุดท้ายเจ้าบ้านมาเหลือสิบคนหลังกาซาโด้ไปตัดฟาวล์ใส่โอซิลจนรับใบเหลืองที่สองไล่ออกจากสนาม

หมดเวลาการแข่งขันเรอัล มาดริดเป็นฝ่ายมีชัยเหนือราโญ บาเญกาโน่ 2-0 ขยับขึ้นไปอยู่ที่ 7 ของตารางเตะ 5 นัดมี 7 คะแนนบีบช่องว่างจากบาร์เซโลน่าทีมจ่าฝูงเหลือ 8 แต้ม

2106

            ระเบิดฟอร์มสุดยอดอีกแล้วสำหรับ "ซลาตัน อิบราฮิโมวิช" เมื่อรับบทฮีโร่เหมาสองประตูกับจ่ายอีกหนึ่งลูกช่วย "ปารีส แซงต์-แชร์กแมง" ต้อน "บาสเตีย" 4-0 ขยับไปรั้งที่ 3 ของตารางคะแนนลีกเอิง

"อิบราฮิโมวิช" ขึ้นไปนำดาวซัลโวด้วยจำนวน 7 ประตูโดยทิ้งห่างผู้ตามถึง 3 ลูก จ่ายให้ "เฌเรมี่ เมเนซ" พังประตูขึ้นนำตั้งแต่นาที 6 แล้วตัวเองมาบวกลูกสองก่อนพักครึ่ง 5 นาที

กองหน้าสวีดิชซึ่งทำประตูให้ "เปแอสเช" ได้ทุกนัดที่เขาลงเล่นในฤดูกาลนี้ มาซัดประตูที่สองให้กับตัวเองช่วงนาที 90 ภายหลัง "บลาส มาตุยดี้" สอยตาข่ายลูกที่สามในนาที 72

"เมื่อทีมมันดี ผมก็เล่นดีตามไปด้วย" อิบราฮิโมวิชกล่าวหลังเกม

2107

                     กุนซือหน้าเหี่ยวของ "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล "อาร์แซน เวนเกอร์" ออกโรงแนะนำทีมแชมป์เก่าพรีเมียร์ ลีกอย่าง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ว่าป้องกันแชมป์เป็นอะไรที่ยากกว่าการคว้าแชมป์เสียอีก

"เรือใบสีฟ้า" เพิ่งคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปีของสโมสรเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาจากผลประตูได้เสียที่ดีกว่า "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อริร่วมเมือง

อย่างไรก็ตามกุนซือเลือดน้ำหอมที่มีคิวพาลูกทีมบุกไปเยือนถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยมในสุดสัปดาห์นี้ก็ได้ไซโค "ซิตี้" ว่าการป้องกันแชมป์เป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่า

"มันเปลี่ยนไปเล็กน้อยเพราะอย่างแรกเลย คุณทำมันได้แล้ว" เวนเกอร์กล่าว

"บางครั้งการทำมันซ้ำเป็นอะไรที่ยากกว่านะ"

"ทุกคนต่างก็ต้องการเอาชนะคุณ คุณจำเป็นต้องรวบรวมสมาธิให้ดี"

ปัจจุบันอาร์เซน่อลรั้งอันดับที่ 3 ของตารางส่วนซิตี้อยู่อันดับที่ 4 โดยมีคะแนนเท่ากันที่ 8 แต้มแต่"ปืนโต"มีลูกได้เสียที่ดีกว่า

2108

            งานนี้สงสัยจะเอาจริง เมื่อ "สิงห์โตน้ำเงินคราม" เชลซี เตรียมทุ่มเงิน 25 ล้านปอนด์ล่าตัวมิดฟิลด์หัวฟูของ "ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน "มารูยาน เฟลไลนี่" โดยหวังเอาชนะ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ล่าลายเซ็นของนักเตะให้ได้

"สิงห์ไฮโซ" เตรียมทุ่มงบถึง 25 ล้านปอนด์ในช่วงตลาดรอบ 2 เดือนมกราคมนี้เพื่อคว้าตัวดาวเตะทีมชาติเบลเยี่ยมมาร่วมทัพ

ทั้งนี้ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเองก็ตามติดสถานการณ์ของ "เฟลไลนี่" ห้องเครื่องวัย 24 ปีกับเอฟเวอร์ตันอย่างใกล้ชิดอยู่ด้วยเช่นกัน

นายใหญ่หน้าชินจังของเชลซี "โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ" ต้องการได้มิดฟิลด์ตัวกลางเข้ามาเสริมทัพเพิ่มเติมหลังปล่อยยืม "มิชาเอล เอสเซียง" ไปให้กับ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด และขาย "ราอูล เมยเรเลส" ไปให้ "เฟเนร์บาห์เช่" นอกจากนี้เขายังสงสัยในการจับคู่ของ "แฟร้งค์ แลมพาร์ด"และ "จอห์น โอบี มิเกล" อีกด้วย

2109

            ลือกันดีนักในที่สุดก็เป็นจริงจนได้เมื่อนักร้องสาวคนสวย "ชากีร่า" ออกมาประกาศข่าวดีว่าเธอนั้นได้ตั้งครรภ์บุตรแรกกับ ปราการห ลัง "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลนา "เคร์ราร์ด ปิเก้"

นักร้องสาวชาวโคลอมเบียคบหาดูใจกับปราการหลังสุดหล่อตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2010 จากนั้นกลายเป็นคู่ขวัญถูกสื่อตามเกาะติดตลอดและมีข่าวลือเป็นระยะๆว่าทั้งคู่กำลังจะมีน้องแต่ปฎิเสธมาตลอด จนกระทั่งเมื่อวันพุธที่ผ่านมา "ชากีร่า" โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ส่วนตัวว่า

"บางคนอาจจะรู้แล้ว เคร์ราร์ด และฉันรู้สึกตื่นเต้นที่กำลังรอให้กำเนิดบุตรคนแรก"

"ฉันยากขอบคุณบรรดแฟนๆต่อความรักและความปราถนาดีมาโดยตลอด และหวังว่าเราจะได้เจอกันเร็วๆนี้"

2110

            "ปาทริค วิเอร่า" อดีตกัปตันทีม "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ออกโรงสนับสนุนให้ผู้ช่วยผู้จัดการทีมคนปัจจุบันอย่าง "สตีฟ โบลด์" ให้เข้าสานงานต่อจาก "อาร์แซน เวนเกอร์" กุนซือเลือดน้ำหอม

"วิเอร่า" ที่เคยคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีกร่วมกับ "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล 3 สมัยเห็นว่าอดีตเพื่อนร่วมทีมคนนี้เป็นบุคคลที่เพอร์เฟคสำหรับการสานงานต่อ "อาร์แซน เวนเกอร์" กุนซือหน้าเหี่ยว

"สตีฟดูแลทีมเยาวชนที่อาร์เซน่อลมาอย่างยาวนานและผมก็รู้ว่าเขาอุทิศตัวแค่ไหน" วิเอร่ากล่าว

"เขารู้จักสโมสรและนักเตะดาวรุ่งดีกว่าใครๆและเขาก็มีความปรารถนาที่อยากจะเป็นผู้จัดการทีม"

"มันคงจะดีมากๆเลยล่ะสำหรับอาร์เซน่อล"

2111
"อาร์เซนอล" มีเครียดกันตั้งแต่เริ่มเกมเลย เมื่อโดนอดีตต้นสังกัดเก่าของ "ชิรูด์" อย่าง "มงต์เปลิเย่ร์" ทำประตูขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่นาทีที่ 9 แต่มายิงแซงรวดเดียวแบบทันควันจาก "โพโดลสกี้และแชร์วิญโญ่" ก่อนจะยื้อสกอร์ต้าน "มงต์เปลิเย่ร์" และจบลงด้วยชัยชนะ 2-1 ประเดิม 3 แต้มแรกในแชมป์เปี้ยนส์ ลีก



แชมป์เปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี
มงต์เปลิเย่ร์ 1 - 2 อาร์เซนอล
สนาม สตาด เด ลา มอสสัน

             เปิดฉากมาในเกมแรก เพียงแค่ 9 นาที "ปืนใหญ่" อาร์เซนอลก็ต้องมาเสียประตูแรกในถิ่นน้ำหอมสำหรับเกมนี้จนได้ เมื่อแฟร์มาเล่นไปพยายามเข้าสกัดบอลจากเท้าของเบล็องด้า แต่รวบไปทั้งคนและบอล ทำให้ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที ก่อนที่เจ้าของเบอร์ 10 ของมงต์เปลิเย่ร์จะลุกขึ้นมาสังหารเองด้วยท่าสุดคลาส ชิพบอลเบาๆเข้าตรงกลางประตู ทำเอามันโนเน่วัยรุ่นเซ็ง เพราะอุตส่าห์เทตัวไปรับด้านข้าง

นาทีที่ 16 เป็นการเอาคืนชนิดที่เจ้าบ้านแทบเงิบหงายหลัง สำหรับอาร์เซนอลที่ได้ประตูตีเสมอเร็วทันใจ แถมคนจ่ายยังเป็นชิรูด์อดีตเด็กเก่าของมงต์เปลิเยร์ที่สะกิดบอลต่อให้กับโพโดลสกี้ซึ่งฉีกหาตำแหน่งได้สวย ก่อนแตะเข้าจุดโทษแล้วซัดผ่านมือผู้รักษาประตูอย่างเยือกเย็น เกมเสมอกัน 1-1

เกมพลิกภายในเวลาไม่กี่นาทีจริงๆ เพราะอีก 2 นาทีต่อมา กลายเป็นอาร์เซนอลที่เป็นฝ่ายขึ้นนำไปซะอย่างนั้น กับจังหวะที่แชร์วิญโญ่กระชากพาบอลหนีกองหลัง ก่อนจ่ายให้เพื่อนแล้วหุบเข้าไปรอรับบอลตรงกลางที่ครอสมาจากด้านข้าง จังหวะนี้จริงๆมีกองหลังของเจ้าบ้านดักทางอยู่แล้ว แต่ดันสกัดไม่โดน เลยกลายเป็นลูกปลอกกล้วยเข้าปากของแชร์วิญโญ่ที่ตั้งตีนให้ตรงแล้วแปบอลผ่านตัวชูดร็องเข้าไป เกมพลิก 2-1

หลังจากลุยยิงกันจนแฟนไม่ทันได้เตรียมเสียงเฮไว้รอ ทั้งสองทีมก็กลับมาสู่การค่อยๆขยับทำเกมเป็นสเต็ปเรื่อยๆ อาร์เซนอลเน้นครองบอลแน่นอนไว้ก่อน เพราะยังไงก็นำอยู่ ส่วนเจ้าบ้านก็พยายามที่จะหาช่องเจาะเข้าทำ แต่ต้องใจเย็นหน่อย เพราะบอลส่วนมากตอนนี้จะไปอยู่กับทีมเยือน

นาทีที่ 34 ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว สำหรับจังหวะนี้ของเอสตราด้าที่พยายามเบี่ยงกระชากตัวหาช่องจากการบล็อกของกองหลังอาร์เซนอล ก่อนจะลองตวัดยิงด้วยซ้ายหน้ากรอบเขตโทษหักข้อไปเสาแรก แต่น่าเสียดายตรงที่บอลมันพุ่งหลุดเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น

กว่าจะได้โอกาสยิงจังๆก็ต้องรอถึงนาทีสุดท้ายของครึงแรกเลยสำหรับชิรูด์ กับจังหวะที่กิ๊บส์เติมขึ้นไปครอสบอลได้งามยาวไปที่เสาแรก ชิรูด์พุ่งเข้ามาเอี้ยวตัวแปบอลคนเดียว แต่เหมือนจะย้อนหลังนิดหนึง ทำให้คุมไม่อยู่ พุ่งหลุดกรอบออกหลังไป

จบ 45 นาทีแรก เป็นอาร์เซนอลที่โชว์คาแร็คเตอร์สุดแจ่ม พลิกแซงนำมงต์เปเลเย่ร์เจ้าบ้านไปก่อน 2-1 แต่จากเกมของเจ้าบ้านดูแล้วบอกได้เลยว่าอันตรายไม่สร่าง ถ้าทีมเยือนประมาทเกมอาจพลิกกลับมาได้อีกทีเช่นเดียวกัน

              กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งหลังเพียงแค่ 2 นาที เวนเกอร์แทบอยากจะเอาขวดน้ำทุบหัวดิยาบี้ เพราะจู่่ๆก็อุตริไปเลี้ยงบอลล็อกไปมาในเขตโทษของตัวเองหน้าตาเฉย เลยโดนกาเบล่าฉกบอลไปได้ ยังดีที่แข้งมงต์เปลิเย่ร์เร่งจังหวะตัวเอง หวดบอลหลุดกรอบออกไปไกลทั้งที่เป็นโอกาสทอง ไม่งั้นแล้วเสียหายจริงๆในจังหวะนี้ของดิยาบี้

นาทีที่ 55 ถ้าเข้าไปนี่สวยสดอย่าบอกใครแน่นอนสำหรับจังหวะชิพของกาเบล่าที่บรรจงยิงนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งวิ้งๆลอยกลางอากาศผ่านมือของมันโนเน่ที่เอื้อมยังไงก็ไม่ถึงไปแล้ว แต่ดันชนคานเข้าซะก่อน

เกมของอาร์เซนอลผ่อนลงไปอย่างชัดเจนหลังผ่านชั่วหนึ่งชั่วโมงมานี่ เพราะมีแ่ต่ทางมงต์เปลิเย่ร์ที่ได้ครองบอลบุกเข้าใส่อยู่ตลอด ถึงพื้นที่สุดท้ายจะไม่ได้กดดันมากมาย แต่ถ้าลูกทีมของเวนเกอร์ยังเฉื่อยแบบนี้ก็พร้อมโดนได้ทุกเมื่อเหมือนกัน

เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ทีมที่ต่อบอลกันได้ดีอย่างอาร์เซนอล กลับครองบอลไว้ได้ไม่นาน จ่ายต่อกันได้ไม่กี่จังหวะก็ต้องคืนหลังแล้วโดนบีบจนเตะสาดโด่งออกมาแบบไร้ทิศ ดูแล้วหวาดเสียวเรื่องโดนตีเสมอจริงๆ

นาทีที่ 76 เป็นการกลับมาเล่นในถิ่นเก่าแบบออกแนวเกร็งน่าดูสำหรับชิรูด์ที่วันนี้โชว์ฟอร์มไม่ออกและถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม โดยเป็นแรมซี่ย์ลงไปเล่นแทน เสียงปรบมือดังทั่วถึงกัน

นาทีที่ 80 พอดิบพอดี นี่มันต้องเป็นประตูตีเสมอไปแล้ว สำหรับจังหวะที่มงต์เปลิเย่ร์ครอสบอลเข้ากลางแล้วแฉลบไปเข้าทางของเบล็องด้าซึ่งล็อกบอลหลบแมร์เตซัคเกอร์จนล้มคะมำลงไป แต่จังหวะที่เจ้าตัวได้เลือกยิงแล้วซัดไปตรงตัวของมันโนเน่ที่ยืนอยู่เฉยๆก็ได้เซฟสำคัญไป เจ้าบ้านท่าทางช็อกน่าดูเลยในจังหวะนี้

จบ 90 นาทีเป็นอาร์เซนอลที่เอาอยู่เบียดเอาชนะมงต์เปลิเย่ร์ไป 2-1 ในเกมนัดเปิดสนามแชมป์เปี้ยนส์ ลีก กลุ่มบี มี 3 คะแนนตุนเอาไว้ก่อนเลยสำหรับลูกทีมของอาร์แซน เวนเกอร์

2112
"ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด เริ่มมาก็มีดราม่ากันก่อนเลย เมื่อโดนทีมยืนอย่าง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำไปก่อนถึงสองครั้งแต่สุดท้ายมาได้ "คริสติอาโน่ โรนัลโด้" ที่รับบทฮีโร่ยิงประตูชัยให้กับทีมพลิกกลับมาเอาชนะไป 3-2



ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
สนาม ซานติอาโก้ เบร์นาบิว
วันอังคารที่ 18 กันยายน 2555
เรอัล มาดริด 3 - 2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้

"ราชันชุดขาว" เปิดสนามต้อนรับการมาเยือนของเรือใบสีฟ้า โดยมีการเปลี่ยนตำแหน่งจากเกมที่แพ้ "เซบีญ่า" ในสุดสัปดาห์มาบ้างโดนให้ "วาราน" ลงสนามมาแทน "รามอส" มี "เอสเซียง" ประเดิมสนามเกมแรกให้กับทีมด้วย

ฝั่งทีมเยือน "เรือใบสีฟ้า" ก็ได้ "อเกวโร่" กลับมาแล้วแต่เป็นสำรองไปก่อน ส่วน "นาสตาซิช" เองก็ได้รับโอกาสประเดิมสนามเช่นเดียวกันรวมถึง "แบร์รี่" ที่หายเจ็บกลับมาลงสนามให้ได้อีกครั้งนึง

              ออกสตาร์ทเกมแรกฝ่ายเจ้าบ้านก็เปิดเกมบุกเข้าใส่ได้มากกว่าและมีลุ้นกันแต่แรกเลยจากจังหวะที่โรนัลโด้พาบอลเข้าเขตโทษมาเองก่อนจะสับขาหลอกแล้วหลบไมค่อนมาก่อนจะยิงไปเสาสองแต่ฮาร์ทยังล้มตัวปัดออกไปได้ก่อน

"ราชันชุดขาว"ได้ลองส่องให้ลุ้นกันอีกทีในนาที 12 จากโรนัลโด้คนเดิมเลยที่พาบอลตัดจากซ้ายเข้าในมาก่อนจะยิงเข้าไป แต่บอลไปเข้าทางรัศมีของอิกวาอินเลยโขกเปลี่ยนทางให้แต่ฮาร์ทไม่หลงยังเซฟเอาไว้ได้อยู่

โอกาสของมาดริดยังมาไม่หยุดหย่อนแล้วเกือบได้ประตูอีกครั้งจากบอลวางยาวกลางสนาเข้าไปในเขตโทษให้กับอิกวาอินจับบอลลงแต่ฮาร์ทยังออกมาตัดไว บอลยังเข้าทางอิกวาอินคืนกลับมาให้โรนัลโด้กระดกหลบตัวเข้ามาสกัดก่อนยิงเลย บอลแฉลบเปลี่ยนมาเข้าทางเคดิร่าแหย่ขาอีกทีแต่บอลก็ยังข้ามคานออกไปอยู่

ผ่านมาจะครึ่งชั่วโมงแล้วถึงแม้จะโดนบุกอยู่เรื่อยแต่"เรือใบสีฟ้า"ก็ยังคงเหนียวแน่นไม่ปล่อยให้มาดริดเจาะง่ายๆ ตั้งรับในเขตโทษเหนียวแน่นทำให้ส่วนใหญ่โอกาสของ"ราชัน"มาจากการยิงไกลของโรนัลโด้บ้าง เอสเซียงบ้างเท่านั้น โอกาสจบจังๆตอนนี้ยังหาไม่เจอ

นาที 37 โอกาสของแมนฯ ซิตี้ยังไม่มาแถมต้องเสียนาสรี่ที่เจ็บไปอีกส่งทางโคลารอฟลงสนามมาแทน ส่วนมาดริดก็ยังได้ครองบอลเยอะกว่าเหมือนเคยแต่ก็ยังหาช่องเจาะเข้าไปลองส่องจังๆไม่เจอ

ช่วงท้ายโอกาสของ"ราชัน"มาอีกแล้วจาจังหวะเคาะบอลไปมาก่อนฝากมาที่ดิ มาเรียทางริมเส้นขวา ก่อนจัดการโยนยาวให้กับอิกวาอินวิ่งสอดไปด้านหลังของกอมปานีก่อนจะแหย่ขายิงแต่บอลก็ยังหลุดออกข้ามคานไป

แถมท้ายก่อนหมดครึ่งด้วยจังหวะลากตัดเข้าในแล้วยิงของดิ มาเรียแต่ก็ยังหลุดเสาไกลออกไปอยู่ทำให้จบครึ่งแรกก็ยังคงเสมอกันอยู่ที่ 0-0

               กลับมาในครึ่งหลังเล่นกันต่อรูปเกมของทั้งสองฝ่ายดูกระเตื้องขึ้นกันนิดหน่อยแต่โอกาสแรกก็ยังเป็นของมาดริดอยู่ดีจากบอลที่ไปขึงกันหน้าเขตโทษสุดท้ายจบลงที่ลูกยิงไกลเกือบๆกลางประตูของดิ มาเรียแต่ก็ยังแฉลบแบร์รี่ออกหลัง

มาร์เซโล่กดไกลหลุดสามเหลี่ยม
ผ่านไป 60 นาทีเกมเริ่มจะคึกคักกันมากขึ้นแล้วและก็เป็นโอกาสของมาดริดอีกซักทีจากการยิงไกลของมาร์เซโล่จากระยะประมาณ 30 หลาบอลติดไซด์ก้อยแต่ไซด์ไม่พอหลุดสามเหลี่ยมไปนิดเดียว

ขังหวะได้สับไกของมาร์เซโล่มาอีกแล้วเป็นบอลที่ผ่านออกมาทางซ้ายให้กับเจ้าตัวและตัวประกบก็ประกบห่างเลยได้โอกาสลองส่องดูเลยแต่บอลก็ยังหลุดคานออกหลังไป

แต่แล้วหลัง"ราชัน"บดอยู่นานนาที 69 "เรือใบ"ก็มาตอดแบบแสบสันหลังยาย่าทำได้ดีไปแย่งบอลคืนกลับมาได้ก่อนจะได้โอกาสสวนกลับมา 2 ต่อ 2 กับแนวรับมาดริดก่อนจะลจ่ายให้กับเซโก้ได้หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษก่อนจะยิงผ่านมือกาซิญาสส่งบอลไปนอนก้นตาข่าย แมนฯ ซิตี้เป็นรองนานสองนานพลิกออกนำก่อน 1-0

"ราชัน"ชักเสียงแล้วหลังจังหวะโต้กลับของแมนฯ ซิตี้มาดีขึ้นเรื่อย คราวนี้เป็นยาย่าที่ได้จังหวะโซโล่เองเลยไปไล่บอลมาจากแนวรับมาดริดได้ก่อนจะได้ลองสับไกดูแต่บอลเข้าแค่ข้างตาข่ายเท่านั้น

สุดท้าย"ราชันชุดขาว"ก็มาทวงประตูคืนได้สมใจเสียทีจากมาร์เซโล่คนเดิมที่มีโอกาสยิงไม่แพ้พวกตัวรุก เริ่มจากบอลออกไปให้กับเขาทางริมเส้นก่อนจะล็อกตัดเข้าในมาแล้วลองปั่นด้วยขวา บอลไปแฉลบตัวบล็อกเปลี่ยนทางนิดนึงแต่ก็เพียงพอให้มาดริดไล่ตามตีเสมอเป็น 1-1

หลังจากนั้นมาดริดปูพรมหนักกว่าเดิมอีกได้ลองยิงดูหลายครั้งโดยมีลูกยิงไกลของอลอนโซ่จากหน้าเขตโทษแต่ก็เข้าซองของฮาร์ทและตามด้วยลูกยิงของโมดริชที่จะเสียบสามเหลี่ยมแล้วแต่ฮาร์ทก็ยังเซฟได้อีก

แต่แล้วเหลือ 5 นาทีสุดท้ายกลายเป็น"เรือใบสีฟ้า"ที่ได้เฮกันอีกครั้งเป็นจังหวะที่ได้ฟรีคิกทางริมเส้นขวาระยะห่างพอสมควร ก่อนเป็นโคลารอฟรับหน้าที่เปิดเข้าไปข้างใน บอลโค้งตกตรงเสาแรกบอลเหมือนจะแฉลบอลอนโซ่แต่ก็บอลก็หลุดไปก่อนโค้งเข้าเสาไกลไปเลย แมนฯ ซิตี้ออกนำอีกแล้ว 2-1

ยังไม่ทันพักหายใจให้โล่งอะไร"ราชันชุดขาว"ก็ทวงคืนประตูทันทีในจังหวะที่ดิ มาเรียพลิ้วเข้ามาเองเลย ก่อนจะฝากต่อมาให้กับเบนเซม่าหน้าเขตโทษแล้วพลิกหลบนาสตาซิชมาก่อนจะสับไกทันทีส่งบอลโค้งเสียบเสาแบบคมกริบเลือดหยดซิบๆ มาดริดไล่เจ๊าอีกครั้ง 2-2

เกมไม่จบมันก็ยังมีประตูเกิดขึ้นจนได้ นาที 90 "ราชัน"กลับมาได้เฮแบบเต็มเสียงกันเลยหลังโดนนำมาก่อนสองครั้งแต่คราวนี้เป็นพวกเขาที่ออกนำบ้างเสียทีจากการฝากบอลไปให้ทางซ้ายที่โรนัลโด้ตัวความหวัง ก่อนจะลากผ่านซาบาเลต้ามาได้แล้วจัดการกดเลย กอมปานีอยู่ข้างหน้าไปก้มหัวหลบกลายเป็นทำให้ฮาร์ทผิดจังหวะปัดบอลไม่ทันกระดอนพื้นเข้าประตูไป มาดริดนำแล้ว 3-2

จบเกมมาดริดก็กระชากอารมณ์พลิกกลับมาคว้าสามแต้มสำคัญไปได้ด้วยการเอาชนะแมนฯ ซิตี้ 3-2 เกมถัดไปพวกเขาจะไปพบกับอาหยักซ์ ส่วน"เรือใบ"จะพบกับดอร์ทมุนด์

2113
"หงส์แดง" ลิเวอร์พูลเกือบจะทำสถิติแพ้ 3 จาก 4 นัดแรกซะแล้ว หลังจากที่เล่นดีกว่าแต่ต้องเป็นฝ่ายไล่ตามตีเจ๊า "แมวดำ" ซันเดอร์แลนด์โดยได้ "หม่อมเหยิน" หลุยส์ ซัวเรซ รับบทพระเอกขี่ม้าขาวซัดไปเต็มๆในนาที 71 รอดพ้นหายนะแต่ยังรั้งอันดับ 17 เพิ่งมี 2 แต้มเท่านั้น



พรีเมียร์ ลีก
ซันเดอร์แลนด์ 1-1 ลิเวอร์พูล   
สนาม สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์
              ออกสตาร์ทกันมาในเกมแรกทางฝั่งทีมเยือน "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายครอบบอลหาจังหวะยิงได้ดีกว่า มาถึงน. 10 หลุยส์ ซัวเรซกองหน้าตัวเก่งของลิเวอร์พูลได้จังหวะล็อกหลบกองหลังตามถนัดก่อนซัดเต็มข้อแต่บอลไม่เข้ากรอบพุ่งออกหลังประตูไปอย่างน่าเสียดาย

เป็นอีกครั้งที่ลิเวอร์พูลน่าจะได้โอกาสขึ้นนำน. 19 จากจังหวะที่เจ้าถิ่นส่งคืนลังไม่ดีฟาบิโอ บอรินี่วิ่งเข้าไปยิงติดตัวของมิกโนเล็ต บอลกระเด้งออกมาเข้าทางจอนโจ้ เชลวี่ที่กะยิงสวนจังหวะแรกแต่บอลปิ้นออกหลังไปแบบไม่ได้ลุ้น

เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 23 สตีเว่น เจอร์ราร์ดได้เปิดฟรีคิกจากด้านขวาไปในกรอบประตู แต่กองหลังของซันเดอร์แลนด์ยังเคลียร์ออกมาได้ แม้"หงส์แดง"จะโหมบุกอย่างต่อเนื่องแต่ยังหาจังหวะพาบอลทำเกมบุกไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร ซึ่งจังหวะต่อมานั้นซัวเรซได้ลากบอลไปทางกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนทิ้งตัวล้มลงไปกองกับพื้นแต่ผู้ตัดสินไม่เป่าให้จุดโทษเป็นเพียงบอลออกหลังไปทำให้"หม่อมเหยิน"นั่งหน้าเซ็งตามระเบียบ

น.29 เคร็ก การ์ดเนอร์ฟูลแบ็กของซันเดอร์แลนด์ลากบอลฝ่าแนวรับของลิเวอร์พูลก่อนตวัดเข้ามาหน้าปากประตูก่อนที่สตีเฟ่น เฟล็ทเชอร์ที่รอโอกาสอยู่หลังมาร์ติน สเตอร์เทลจะพุ่งชาร์จด้วยซ้ายเข้าประตูไปทำให้เจ้าถิ่นขึ้นนำ 1-0 จากการยิงครั้งแรกของพวกเขา

เข้าสู่ท้ายครึ่งแรกเป็นจังหวะของดาวยิงอุรุกวัยอีกครั้งที่มีจังหวะล็อกหลบกองหลังของเจ้าถิ่นก่อนตวัดยิงด้วยขวานอกกรอบเขคโทษแต่โชคไม่ช่วยกองหลังทีมเยือนพุ่งเข้ามาบล็อกบอลออกหลังประตูไปอีกครั้ง

ท้ายครึ่งแรก"หงส์แดง"เปิดเกมบุกหวังทวงประตูคืนแต่ก็ยังไร้ความคมเหมือนหลายนัดที่ผ่านมาทำให้ยังไม่สามารถส่งบอลผ่านมือของมิกโนเล็ตไปได้ก่อนที่ผูัตัดสินจะเป่าหมดครึ่งแรก

             เปิดฉากกันมาในครึ่งหลัง "เดอะ เร้ดส์" ยังดาหน้าบุกอย่างต่อเนื่อง และเป็นเกล็น จอห์นสันที่ลากบอลตัดเข้ากลางก่อนสับด้วยขวาข้างถนัด แต่บอลเจ้ากรรมดันโด่งเกินไปชนคานไปอย่างน่าเสียดาย

นาที 61 ทีมเยือนน่าจะตีเสมอได้หลังลูกเปิดเข้ามาในกรอบเขตโทษของสเตอร์ลิ่งเป็นมิกโนเล็ตบินตัดบอลตกมาเข้าทางเชลวีย์ที่เก็บแล้วแปตั้งไหลให้เจอร์ราร์ดวิ่งมาแปตรงเส้นเขตโทษพอดีแต่ดันเฉี่ยวเสาออกไปชนิดที่ว่าแฟนเสียดายกันทั้งนั้น

ตอนนี้ลิเวอร์พูลขึงเกมอยู่ข้างเดียวโดยที่ร็อดเจอร์สส่งสจ๊วต ดาวนิ่งลงมาแทนฟาบิโอ บอรินี่และนาที 65 เจอร์ราร์ดเก็บตกบอลนอกเขตแล้วยิงเลียดยัดบอลแฉลบโด่งเป็นสเตอร์เทลที่โขกเช็ดจะให้เข้ามุมแต่มิกโนเล็ตล้มตัวรับบนเส้นหวุดหวิด

หลังพยายามอยู่นานอีก 5 นาทีต่อมาลิเวอร์พูลมาตีเสมอจนได้และต้องบอกว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัวของสเตอร์ลิ่งที่วิ่งไปเอาบอลที่เจอร์ราร์ดจ่ายย้อนหลังจนเกือบออกข้างก่อนพลิกฉีกหนีตัวประกบแล้วครอสเข้ามาให้ซัวเรซวิ่งโฉบแปว่าวบอลไปกระเด้งถูกบัมเบิ้ลกองหลังตัวสำรองมาเข้าทาง"หม่อยเหยิน"ที่คราวนี้กดตูมเผาขนไม่มีเหลือ 1-1 แล้ว

จอนโจ้ เชลวี่ย์ รับบอลจากซัวเรซเข้ามาในกรอบเขตโทษ ก่อนล็อกบอลหาจังหวะยิงแบบถนัดถนี่ด้วยซ้ายกลางประตูแต่มิกโนเล็ตยังทุบออกมาได้ซึ่งซัวเรซพยายามโหม่งซ้ำแต่โด่งข้ามคานออกไป

เข้าสู่ช่วงท้ายเกมทีมเยือนยังบุกอย่างหนักแต่ไม่สามารถยิงประตูเพิ่มได้ก่อนที่ทั้ง 2 ทีมจะแบ่งแต้มกันไปแบบสนุก

2114
"ฮูลิโอ เซซาร์" โชว์ฟอร์มเซพเหนียวหนึบเซฟงามพา "คิวพีอาร์" แบ่งแต้มจาก "สิงห์โตน้ำเงินคราม" ได้สำเร็จ โดยก่อนหน้าเกมจะเริ่มขึ้นนั้น "แอนทอน เฟอร์ดินานด์" ย้ำจุดยืนของตัวเองชัดเจนด้วยการไม่ยอมจับมือญาติดีกับ "จอห์น เทอร์รี่" และ "แอชลี่ย์ โคล" 2 คู่กรณีด้วย



พรีเมียร์ ลีก
ควีนส์ พาร์ค เรนเจอร์ส 0-0 เชลซี   
สนาม ลอฟตัส โร้ด

"สิงห์โตน้ำเงินคราม" เชลซี ทีมจ่าฝูงขนผู้เล่นตัหลักมากันครบโดยมี "เฟอร์นานโด ตอร์เรส" ยืนล่าตาข่ายในแดนหน้า และมี "เอด็อง อาซาร์" ปีกเบลเยี่ยม,"แฟร๊งค์ แลมพาร์ด" และ "รามิเรส" คอยสนับสนุนเกมรุก

               ก่อนจะเปิดฉากเริ่มเกมขึ้นนั้นเป็นไปตามคาดที่ "แอนทอน เฟอร์ดินานด์" กองหลังเจ้าถิ่นไม่ยอมจับมือกับ "จอห์น เทอร์รี่" คู่กรณีรวมถึง "แอชลี่ย์ โคล" เพื่อนซี้ที่ไปขึ้นให้การกับ "เทอร์รี่" ในคดีเหยียดผิว

คิวพีอาร์ได้จังหวะสวนกลับเร็วกลางสนาก่อนที่รามิเรสวิ่งเข้ามาเสียบตัดขาฟาอูร์ลินล้มคว่ำลงเดือดร้อนอังเดร มาร์ริเนอร์ต้องวิ่งมาแจกใบเหลืองอย่างรวดเร็วเพียงนาทีที่ 12 เท่านั้น

น.16 เจ้าถิ่นส่งบอลไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าปากเขตโทษของตัวเองและเป็นเฟอร์นานโด ตอร์เรสที่รอจังหวะฉกบอลก่อนล็อกหลบกองหลังหนึ่งจังหวะบอลมาเข้าตีนซ้ายก่อนกดเน้นๆ แต่ยังดีที่ฮูลิโอ เซซาร์ปัดไว้ได้อย่างหวุดหวิด

เข้าสู่นาทีที่ 21 ฟาบิโอฟูลแบ็กตัวยืมมีอาการบาดเจ็บทนเฝืนเล่นต่อไม่ไหวต้องออกจากสนามให้เนดุม โอนูโอฮาเข้ามารับหน้าที่แทน

มาถึงจังหวะปัญหาในนาทีที่ 29 เอด็อง อาซาร์ปีกเบลเยี่ยมกระชาเข้ากรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนโดนสะกิดจากทางด้านหลังล้มลงในกรอบ 18 หลาแต่อังเดร มาร์ริเนอร์ใจแข็งสุดๆไม่ยอมเป่าให้ทีมเยือนได้ฟาวล์จนทำให้บรรดานักเตะเชลซีต่างประท้วงกันยกใหญ่

น.37 แฟร๊งค์ แลมพาร์ดมีโอกาสส่องไกลระยะ 25 หลาจาลูกฟรีติกบอลพุ่งเข้ากรอบแต่เซซาร์ที่วันนี้เด่นเหลือเกินยืนปักหลักตั้งซองรับสบาย

เอสเตบัน กราเนโร่กองกลางที่ย้ายมาจากเรอัล มาดริดได้จังหวะส่องไกลจากนอกกรอบเขตโทษแต่บอลไม่เข้ากรอบเป็นจังหวะได้ลุ้นคั้งสุดท้ายของครึ่งแรก

             กลับมาเล่นกันต่อในช่วงครึ่งหลัง 10 นาทีเอสเตบัน กราเนโร่ตั้งป้อมเปิดบอลจากกึ่งกลางสนามละเป็นพาร์ค ชี-ซองวิ่งเติมเข้ามาด้านซ้ายก่อนได้จังหวะสะบัดเต็มหัวแต่ปีเตอร์ เช็กยืนรับบอลได้อย่างง่ายดาย

โดนเจ้าถิ่นพับเกมบุกอยู่พักใหญ่ทำให้โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอต้องแก้เกมบ้างโดยส่งวิคเตอร์ โมเซสปีกตัวใหม่ลงสนามแทนไรอัน เบอร์ทรานที่เล่นไม่ออกแถมยังมีใบเหลืองติดตัว

เชลซีได้บอลด้านซ้ายของสนามก่อนตัดสินใจโยนข้ามฟากเข้ามาหน้าปากประตูและเป็นอิวาโนวิชที่แอบมาอยู่ด้านหลังกรอบประตูฝั่งซ้ายถอยตัวโหม่งตามสไตล์ถนัดแต่บอลเฉี่ยวเสาออกไป

บ๊อบบี้ ซาโมร่าได้โอกาสหลุดไปดวลกับปีเตอร์ เช็กในกรอบเขตโทษแต่เจ้าตัวดันไม่ยิงล็อกไปล็อกมาจนหมดมุมยิงก่อนซัดมั่วซั่วไปติดกองหลังเชลซีที่เคลียร์ออกมาจากหน้าปากประตู

น. 81 เฟอร์นานโด ตอร์เรสที่วันนี้แทบเล่นไม่ออกถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามให้ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ลงรับหน้าที่แทนโดยเจ้าตัวออกอาการไม่พอใจเดินเข้าห้องแต่งตัวไปทันที

2115
ไม่รู้ไปโกรธใครมาสำหรับ "อาร์เซนอล" ที่ยกพวกไล่กระทืบ "นักบุญ" เซาท์แธมป์ตัน แบบไม่ไว้หน้า 6-1 โดย "แชร์วินโญ่" เหมาสอง,  "ลูคัส โพดอลสกี้" จัดฟรีคิก, "ธีโอ วัลค็อตต์" สอยตาข่ายทีมเก่าและอีกสองลูกที่แข้งนักบุญสงเคราะห์ให้เลยไต่ขึ้นอันดับสามของตารางไล่หลังจ่าฝูง "สิงห์โตน้ำเงินคราม" 2 แต้ม



ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
วันเสาร์ที่ 15 กันยายน 2555
อาร์เซน่อล 6 - 1 เซาท์แฮมป์ตัน 
สนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

               เปิดฉากมาในเกมแรกแค่ 11 นาที "แก๊งค์ปืนโต" รีบขึ้นนำไปก่อน 1-0 เมื่อโพดอลสกี้แย่งบอลได้ที่ระยะ 40 หลาก่อนจ่ายให้กิ๊บบ์สหลุดเข้าไปยิงใส่เดวิสทางด้านซ้ายของเขตโทษติดเซฟแต่บอลกระดอนไปชนขาฮูเวลด์ข้ามเส้นประตูไป

นาที 29 เซาท์แธมป์ตันเปลี่ยนตัวผู้เล่นรายแรกเอาฮูเวลด์ที่ทำประตูตัวเองออกไปแล้วส่งโยชิดะลงมาคุมแนวรับแทน ดูเหมือนว่าแข้งเลือดดัตช์มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยแต่เขาคงผิดหวังฟอร์มตัวเองแน่นอน

อย่างไรก็ตามในนาที 31 โพดอลสกี้ก็มาทำประตูที่สองจากสองเกมด้วยการปั่นฟรีคิกระยะ 25 หลาข้ามกำแพงไปเสียบมุมบนเสาซ้ายให้"ปืนใหญ่"นำห่าง 2-0 และดูท่าเกมนี้จะเป็นของพวกเขาแล้ว

เท่านั้นไม่พอเมื่อนาที 35 "เดอะ กันเนอร์ส"ก็ทิ้งห่างไปไกลเป็น 3-0 จากจังหวะที่อาร์เตต้าจ่ายบอลคิลเลอร์พาสให้แชร์วินโญ่หลุดเข้าไปทางด้านขวาของเขตโทษก่อนกระหน่ำผ่านตัวเดวิสไปซุกก้นตาข่าย

แถมอีกสองนาทีถัดมาแชร์วิลโญ่ลากบอลขึ้นหน้าก่อนจ่ายมาให้กิ๊บบ์สเปิดไปแฉลบไคลน์เปลี่ยนทางผ่านเดวิสเข้าไปเสียบเสาไกลให้แฟนบอลเจ้าบ้านได้เริงร่ากับสกอร์ที่นำขาดถึง 4-0

นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกอาร์เซน่อลมาเสียประตูแรกของฤดูกาลจากความผิดพลาดของเชสนี่ที่ตัดบอลครอสของไคลน์ไม่ดีจนมาเข้าทางให้ฟ็อกซ์กระทุ้งจากระยะ 8 หลาเข้าไปตุงตาข่ายไล่มาเป็น 4-1

               ต่อมาในครึ่งหลังเซาท์แธมป์ตันบุกใส่ทันทีโดยนาที 56 รามิเรซแทงบอลทะลุช่องให้แลมเบิร์ตหลุดเข้ากดด้วยอีขวากลางกรอบเขตโทษเฉี่ยวเสาซ้ายออกหลังประตู

นาที 70 เชสนี่โชว์ฟอร์มอีกแล้วเมื่อเคลียร์บอลไปเข้าทางฝั่งตรงข้ามก่อนที่รามิเรซไหลให้พันชิออนทางด้านขวาแต่กองหน้าตัวความหวังคอนโทรลบอลไม่ดีเลยชวดโอกาสไล่ขึ้นมาอีกประตู

นาทีถัดมาแรมซี่ย์รับบอลจากกาซอร์ล่าก่อนดวลเอาชนะไคลน์เข้าไปยิงผ่านตัวเดวิสบอลไปชนเสาแต่โชคดีที่แชร์วินโญ่เหมือนฉลามได้กลิ่นคาวเลือดปรี่เข้ากดจากระยะ 2 หลาเข้าไปให้ทีมนำ 5-1

อาร์เซน่อลยังลุยเข้าใส่ไม่เลิกเมื่อนาที 74 อาร์เตต้าจ่ายบอลจังหวะแรกไปให้อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์แลนหลุดเข้าไปยิงแต่โดนเดวิสปัดทิ้งออกหลังไปได้

ท้ายเกมนาที 85 รามิเรซลากจากซ้ายตัดเข้าในมากดเลียดถากเสาออกไปก่อนที่อีกสามนาทีถัดมาแฟร์มาเล่นได้โอกาสยิงไปติดเซฟของเดวิสแต่บอลกระดอนมาเข้าทางให้วัลค็อตต์ยิงประตูทีมเก่าแต่เขาให้เกียรติด้วยการไม่ดีใจ

จบเกมอาร์เซน่อลไล่สอนบอลเซาท์แธมป์ตันเละ 6-1 ขึ้นไปรั้งอันดับ 3 ของตารางตามหลังจ่าฝูงเชลซี 2 แต้มและทำให้พวกเขายังไม่เคยเสียท่าให้กับ"นักบุญ"ในบ้านเลยตลอด 18 เกมหลังสุดในลีก

หน้า: 1 ... 139 140 [141] 142