พฤศจิกายน 22, 2024, 01:09:52 AM

กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 10
51

       ใครที่มองว่าหงส์แดงอาจจะโชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงเพียงชั่วพักชั่วครู่เหมือนกับทีมใหญ่ๆทั่วไป ที่เดี๋ยวจู่ๆก็ฟอร์มแผ่วลงไปเอง อาจจะต้องเปลี่ยนมุมมองซะแล้ว เพราะล่าสุดต้องบอกว่าฟอร์มของพวกเขานั้นแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่ในทุกถ้วย ทุกรายการเลย โดยในเกมการแข่งขันเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมาเป็นโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลถ้วยลีก คัพในประเทศ หรือในชื่อปัจจุบันก็คือ แคปปิตอล วัน คัพ หงส์แดงบุกไปเยือนทีมนักบุญ เซาธ์แฮมป์ตัน คู่แข่งร่วมลีกสูงสุด

       แน่นอนว่าก่อนเกมการแข่งขันทั้งสองทีมถือว่าดูไม่ต่างกันมากนัก แม้ว่าโดยรวมแล้วคุณภาพผู้เล่นของหงส์แดงจะดูเลื่อมกว่านิดหน่อยก็ตาม อีกทั้งการที่ทีมนักบุญได้เล่นในบ้านก็ถือว่าเป็นหนึ่งข้อได้เปรียบ ทว่าผลงานการแข่งขันที่ออกมากลับเป็นทีมเยือนที่ไล่ยิงถล่มเจ้าบ้านไปแบบขาดลอยถึง 6-1 โดยการจัดตัวในเกมนี้เจ้าบ้านผู้รักษาประตูใช้ สเตเคเลนเบิร์ก เกมรับมี ไรอัน เบอร์ทราน, สตีฟ คอลเกอร์, เวอร์กิล ฟาน ไดซ์, เคดิค ซัวเรส มิดฟิลด์มี จอร์ดี้ คาซี่, สตีเว่น เดวิส, ซาดิโอ มาเน่, วิคเตอร์ วานยาม่า กองหน้าเป็น ลูซาน ทาดิช และกาเซโน่ เปเล่

       ส่วนทีมเยือนผู้รักษาประตูเป็น อดัม บ็อกดาน เกมรับมี อัลแบร์โต้ โมเรโน่, เดยัน ลอฟเรน, มาร์ติน สเคอเทล และคอนนอล แรนดอล มิดฟิลด์มี ลูคัส เลว่า, เอ็มเร่ ชาน และโจ อัลเลน เกมรุกสามรายมี แดเนียล สเตอร์ริดจ์, ดีว็อค โอริกี้ และอดัม ลัลลาน่า

       ไฮไลท์การทำประตูเจ้าบ้านได้ประตูขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็วตั้งแต่นาทีที่ 1 จากซาดิโอ มาเน่ จากนั้นนาทีที่ 25 แดเนียล สเตอร์ริดจ์มาตามตีเสมอให้ทีมเยือนเป็น 1-1  ต่อด้วยนาทีที่ 29 สเตอร์ริดจ์คนเดิมมายิงให้ทีมเยือนแซงนำเป็น 2-1 ก่อนที่จะเป็นดีว็อค โอริกี้ที่มาบวกเพิ่มให้ทีมเยือนหนีห่างเป็น 3-1 ในนาทีสุดท้ายของครึ่งเวลาแรก ครึ่งเวลาหลังโอริกี้มาบวกเพิ่มให้อีกครั้งเป็น 4-1 ในนาทีที่ 68 ก่อนจะเป็นจอร์ดอน ไอบ์ตัวสำรองที่ลงมายิงประตูที่ 5 ในนาทีที่ 73 และปิดท้ายด้วยโอริกี้ทำแฮตทริกปิดกล่องให้หงส์แดงถล่มนักบุญไปยับเยิน 6-1 นาทีที่ 86
52

http://www.uppices.com/images/30106580218638718867.jpg

       ออกปากชมเสียขนาดนี้ต้องบอกว่าน่าจะซื้อมาร่วมทีมซะเลย สำหรับทางด้านของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่กล่าวถึงนักเตะอย่าง เฮนริค มคิตาร์ยาน นักเตะดีกรีทีมชาติอาร์เมเนียของทีมเสือเหลือง ดอร์ทมุนด์

       ทั้งนี้คล็อปป์กับ มคิตาร์ยาน เคยทำงานร่วมกันอยู่ช่วงนึงตอนที่คล็อปป์ยังกุมบังเหียนทีมเสือเหลืองอยู่ และก็ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้ดาวเตะอาร์เมเนียรายนี้ผุดขึ้นมาโดดเด่น ในแวดวงลูกหนังยุโรป

       ปัจจุบัน มคิตาร์ยาน ก็จัดเป็นกำลังสำคัญของคนนึงของทีมเสือเหลือง ทั้งยังเป็นหนึ่งนักเตะเนื้อหอมที่ถูกจับตามองจากบรรดาทีมใหญ่ทั่วยุโรปด้วย การออกมากล่าวในเชิงชื่นชมถึงอดีตลูกทีมครั้งนี้จากนายใหญ่ชาวเยอรมันจึงเป็นอะไรที่น่าสนใจมากเป็นพิเศษทีเดียว

       คล็อปป์กล่าวว่าสำหรับผมแล้วไม่สงสัยเลยล่ะว่านี่คือนักเตะที่เจ๋งมากที่สุดในโลกคนนึง การคอนโทรลบอลของเขามันยอดมากนะ เช่นกันกับเทคนิค และความเร็วที่เขามีมันครบเครื่องจริงๆ มีนักเตะเพียงไม่กี่คนหรอกนะที่คุณจะบอกได้ว่าพวกเขาสมบูรณ์แบบจริงๆ

       นอกจากนี้อดีตนายใหญ่ทีมดอร์ทมุนด์ก็ยังได้กล่าวแบบสรุปเชิงเปรียบเทียบสรรพคุณของแข้งรายนี้ต่ออีกว่า นั่นแหละมันคือบทสรุปเลยว่าทำไมนักเล่นหมากรุกเก่งถึงมักจะมาจากประเทศอาร์เมเนีย มันจริงอยู่ที่ว่าประเทศอื่นก็ผลิตนักเล่นหมากรุกเก่งๆได้แต่สำหรับประเทศอาร์เมเนียแล้วที่พวกเขาสามารถสร้างได้มากว่าที่อื่น

       สำหรับ มคิตาร์ยาน นั้นเป็นหนึ่งในนักเตะที่หงส์แดงเคยให้ความสนใจอย่างจริงจังด้วย โดยมีข่าวออกมาถึงขนาดว่าพวกเขากำลังจ่อเซ็นสัญญากับนักเตะแล้วด้วย ทว่าสุดท้ายด้วยปัญหาความล่าช้าในการจัดการขั้นสุดท้ายของการปิดดีลก็เลยทำให้ดีลล่มลงอย่างไม่เป็นท่า ซึ่งถือเป็นหนึ่งดีลที่สร้างความผิดหวังให้กับบรรดาเดอะค็อปตอนนั้นได้มากทีเดียว

       ส่วนเรื่องของความเป็นไปได้ที่หงส์แดงจะยื่นซื้อมคิตาร์ยานจาก ดอร์ทมุนด์ ก็แน่นอนว่าถ้าหาก เจอร์เก้น คล็อปป์ สนใจนักเตะจริงย่อมเป็นไปได้อยู่แล้ว
53

       ต้องบอกว่าเป็นคนที่ได้รับเครดิตไปเต็มๆสำหรับ เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ที่เข้ามาทำทีมและเปลี่ยนแปลงให้ทีมมีฟอร์มการเล่น รวมถึงผลงานน่าดูน่าชมกว่าเดิม โดยล่าสุดเพิ่งจะบุกไปโชว์ฟอร์มโหดถึง เอติฮัต สเตเดี้ยม ด้วยการไล่ถล่มเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ ไปขาดลอยถึง 4-1 และจากความยอดเยี่ยมครั้งนี้เองทำให้ มาร์ติน สเคอเทล กองหลังตัวหลักของทีมไม่พลาดที่จะออกมาซูฮก และยกเครดิตให้กับนายใหญ่ชาวเยอรมันรายนี้

       "คุณคงจะได้เห็นความแตกต่างในสิ่งที่เขาเข้ามาทำให้กับทีมเราแล้วใช่ไหมล่ะ แท็คติกของเขามันยอดมากจริงๆ และเขาก็ทำให้นักเตะทุกคนมีความเชื่อมั่นด้วย แล้วพวกคุณก็คงได้เห็นคาแร็กเตอร์ของเขาเวลาอยู่ข้างสนามกันแล้ว นั่นมันแสดงถึงอารมณ์ร่วมกับเกมสุดๆ คล็อปป์ คือผู้ชนะอย่างแท้จริงเขาแสดงทุกสิ่งอย่างให้เราเห็นเสมอในตอนฝึกซ้อม เช่นเดียวกับทุกๆครั้งที่เราลงแข่งขัน พวกเรานักเตะก็เหมือนกันต่างก็ต้องการจะทำให้ได้แบบนั้น "

       "ดังนั้นเราจึงพยายามสู้เพื่อทีมเสมอ ใช่พวกเราพยายามทำมันมาตลอดนั่นแหละ แต่มันไม่ง่ายเลยนะที่เราจะบุกมาคว้าชัยที่สนามของซิตี้ และเล่นกันด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ เพราะพวกเขาเป็นทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะชั้นนำ แต่ที่สุดแล้วเราก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเราสามารถทำมันได้ "

       "แล้วเราก็ทำมันได้ยอดเยี่ยมมากจริง นั่นแหละสิ่งที่เราจะบอกว่าพวกเรามีฟอร์มการเล่นที่อยู่ในระดับท็อปเลยล่ะ แต่หลังจากนี้เราก็ต้องรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ให้ได้ต่อไปเรื่อยๆ"

       สำหรับ มาร์ติน สเคอเทล ถือได้ว่าเป็นนักเตะตัวหลักของทีมหงส์แดงที่อยู่กับทีมมานานหลายปี มีโอกาสได้ร่วมงานกับกุนซือหลายรายแล้วเช่นกัน ทั้งราฟาเอล เบนิเตซ, รอย ฮ็อดจ์สัน, เคนนี่ ดัลกลิช, เบรนแดน ร็อดเจอร์ส และล่าสุดก็ในรายของเจอร์เก้น คล็อปป์นี่เอง

54

       เรียกว่ายังคงวางใจไม่ได้ซะทีเดียวว่าทีมอย่าง เรอัล มาดริด จะหมดลุ้นแชมป์ ลาลีกา สเปน ในซีซั่นนี้ไปแล้ว สำหรับการออกมากล่าวแสดงทัศนะจากหัวหอกตัวเก่งของทัพอาซูกราน่า บาร์เซโลน่า “หลุยส์ ซัวเรซ” แม้ว่าทีมต้นสังกัดจะเพิ่งทำผลงานได้ยอดเยี่ยมด้วยการบุกไปยัดเหยียดความปราชัยให้กับทัพกาลาติกอสถึงซานติอาโก้ เบร์นาบิว 4-0

       ทั้งนี้เกม เอล กลาซิโก้ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาถือเป็นหนึ่งเกมสำคัญที่ถูกจับตามองมากที่สุด และเป็นที่เชื่อกันว่าน่าจะเป็นหนึ่งเกมสำคัญที่มีผลต่อการลุ้นแชมป์ของทั้งสองทีมในซีซั่นนี้ เพราะก่อนเกมการแข่งขัน บาร์เซโลน่า จ่าฝูงมีแต้มนำทีมเจ้าบ้าน เรอัล มาดริด เพียงแค่สามแต้มเท่านั้น

       อย่างไรก็ตามหลังจากที่ บาร์เซโลน่า เอาชนะ เรอัล มาดริด ไปได้ท้วมท้น 4-0 และส่งผลให้ทำแต้มทิ้งห่างจากมาดริดเพิ่มไป 6 แต้มแล้ว หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าชาวอุรุกวัยของ อาซูกราน่า กล่าวแสดงความเห็นออกมาทำนองว่ายังไม่อาจตัด เรอัล มาดริด ออกไปจากการลุ้นแชมป์ในซีซั่นนี้ได้ซะทีเดียว เนื่องจากมาดริดเป็นหนึ่งทีมที่ดีที่สุดในโลก ทั้งในทีมก็เต็มไปด้วยผู้เล่นชั้นนำ

       ดังนั้นแล้วกับจำนวนนัดที่เหลืออยู่ รวมถึงจำนวนแต้มที่ยังไม่ได้ห่างมากมายสักเท่าไหร่นั้น ย่อมเป็นไปได้ที่จะทำให้มาดริดแซงกลับมาคว้าแชมป์

       สำหรับ หลุยส์ ซัวเรซ นั้นเคยเป็นหนึ่งนักเตะที่ทาง เรอัล มาดริด ให้ความสนใจอยากจะซื้อไปร่วมทีมเช่นกันตั้งแต่เจ้าตัวค้าแข้งอยู่กับ ลิเวอร์พูล ในอังกฤษแล้ว แต่สุดท้ายความไม่มั่นใจในพฤติกรรมของเจ้าตัวก็ทำให้มาดริดตัดสินใจไม่ทุ่มเงินแย่งซื้อกับบาร์เซโลน่า และเป็นบาร์เซโลน่าได้ได้เจ้าตัวไปร่วมทีมด้วยราคาสูงถึง 75 ล้านปอนด์

       ส่วนอันดับในตารางคะแนน ลาลีกา สเปน ตอนนี้ บาร์เซโลน่านำเป็นจ่าฝูงด้วยจำนวน 30 แต้ม จาก 12 เกม อันดับสองเป็นแอตฯมาดริด มี 26 แต้มจาก 12 เกม และเรอัล มาดริดรั้งอันดับ 3 มี 24 แต้ม แต่ผลต่างประดูได้เสียมาดริดดีกว่าแอตฯมาดริดที่จำนวน 15 ประตูต่อ 11 ประตู
55
ข่าวฟุตบอล / ลุ้นสนุก! 'อิรัก' บุกอัด 'ไต้หวัน' 2-0 ไล่จี้ไทยห่าง 5 แต้ม!!!
« กระทู้ล่าสุด โดย Reporter เมื่อ พฤศจิกายน 21, 2015, 01:52:18 AM »

       ได้ลุ้นกันสนุกซะแล้วสำหรับ ฟุตบอลโลกโซนเอชีย รอบคัดเลือกกลุ่ม F เพราะในแมทการแข่งขันล่าสุดทีมชาติอิรัก อันดับที่สองของกลุ่มเป็นพวกเขาที่ทำได้ดีตามคาดด้วยการบุกไปอัดไต้หวันที่เพิ่งจะแพ้ไทยมาหมาดๆ 2-0 เก็บเพิ่ม 3 คะแนน ลดช่องว่าที่ตามหลังทีมชาติไทย จ่าฝูงของกลุ่มจาก 8 แต้มเหลือ 5 แต้มเท่านั้น

       ซึ่งทำให้แมทต่อไปที่ไทยกับอิรักจะพบกันเองนั้นจะได้ลุ้นกันอย่างสนุก ด้วยว่าจะกลายเป็นแมทชี้ชะตาไปโดยปริยายว่าใครจะได้เป็นแชมป์กลุ่ม F พร้อมกับคว้าสิทธิ์เข้าไปเล่นในรอบ 12 ทีมสุดท้ายต่อไปแบบอัตโนมัติ โดยไม่ได้ต้องลุ้นผลการแข่งขันของกลุ่มอื่นให้เหนื่อย

       ทั้งนี้เงื่อนไขในการพบกันเองของทีมชาติไทย และทีมชาติอิรักถือว่าเป็นทางฝั่งทีมชาติที่ได้เปรียบอิรักอยู่พอสมควร เพราะต้องการเพียงแค่ผลเสมอก็จะการันตีการเป็นแชมป์กลุ่มในทันที ขณะที่อิรักนั้นต้องเอาชนะไทยให้ได้สถานเดียวเพื่อไปลุ้นคว้าชัยชนะในนัดสุดท้ายของพวกเขาที่จะพบกับเวียดนามอีก ซึ่งหากพวกเขาทำได้ตามเป้า กล่าวคือเก็บชัยชนะทั้งสองเกมที่เหลือพวกเขาถึงจะได้เป็นแชมป์กลุ่มด้วยจำนวน 14 แต้มมากกว่าทีมชาติที่มีอยู่ขณะนี้ 1 แต้ม (ไทยมี 13 แต้ม)

       อย่างไรก็ตามหากว่ากันในทางปฏิบัติ ไทยเองก็ไม่ได้นับว่ามีทางเลือกอะไรมากมายนอกเสียจากการแบ่งแต้มจากอิรักให้ได้เป็นอย่างน้อย เพราะมาตรฐานการเล่นของอิรักค่อนข้างเหนือกว่าทุกทีมในกลุ่ม โดยเฉพาะกับทีมเวียดนามที่พวกเขาจะต้องเจอในเกมสุดท้าย ซึ่งน่าจะเก็บชัยชนะได้ไม่ยาก

       ดังนั้นถ้าไทยพลาดท่าแพ้ซะก่อนแล้วก็แทบจะเท่ากับว่าส่งอิรักเข้ารอบไปในฐานะแชมป์กลุ่มทันที ส่วนทีมเวียดนาม และไต้หวันนั้นแน่นอนว่าทั้งสองทีมหมดลุ้นไปนานแล้ว เวียดนามเก็บได้เพียงแค่ 4 แต้มจากการชนะไต้หวัน และเสมออิรัก ส่วนไต้หวันยังไม่มีแต้มจากการแพ้รวดทุกนัด
56
http://www.uppices.com/images/60644798199549792466.jpg

       แม้ว่าจะเป็นรุ่นน้องในทีมชาติบราซิล แต่ก็ไม่มีการอวยกันเกินไปเหมือนที่เราเห็นกันเป็นเรื่องปกติในวงการฟุตบอลแต่อย่างใดสำหรับเคสขอทางด้าน กิลแบร์โต้ ซิลวา อดีตกองกลางตัวเก่งของปืนโต อาร์เซน่อล และทีมชาติบราซิลชุดแชมป์โลกปี 2002 ที่ได้ออกมากล่าวถึง เนย์มาร์ หัวหอกรุ่นน้องที่กำลังเป็นดาวเด่นอยู่ในวงการลูกหนังในยุคปัจจุบัน

       ทั้งนี้ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนย์มาร์ ได้รับการยกย่องจากทั้ง โรนัลดินโญ่ อดีตเพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งทีมชาติบราซิล และทีมสโมสรบาร์เซโลน่า  และ คาร์ลอส ดุงก้า เทรนเนอร์ทีมชาติบราซิลในทำนองเปรียบเทียบว่าเทียบชั้นได้กับสองซุปตาร์ที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดในโลกลูกหนังยุคปัจจุบันอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ของอาร์เจนติน่า และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ของโปรตุเกส  โดยทางด้านของ ดุงก้า นั้นถึงขนาดกล่าวว่า เนย์มาร์ ในตอนนี้เก่งกว่าสองซุปตาร์รายดังกล่าวเลยทีเดียว

       อย่างไรก็ตาม กิลแบร์โต้ ซิลวา ที่เคยประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในระดับสโมสร และระดับทีมชาติกล่าวถึง เนย์มาร์ ว่า เขากำลังโชว์ฟอร์มได้ดีมากนะ โดยเฉพาะกับการเล่นให้ บาร์เซโลน่า เขาสามารถพัฒนาได้จนถึงขั้นสูงสุดเลยล่ะ แต่ตอนนี้เขายังไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับ เมสซี่ และ โรนัลโด้ ทว่ามันก็ใกล้เคียงนะ สำหรับฟอร์มการยิงประตูในซีซั่นนี้กับทีมบาร์เซโลน่าของเนย์มาร์ถือว่ากำลังไปได้สวยเลยโดยนักเตะลงเล่นไป 14 เกม และซัดไปแล้ว 13 ประตู

       เช่นเดียวกับเมื่อซีซั่นที่แล้วที่ร่วมกันประสานงานกับ เมสซี่ และ หลุยส์ ซัวเรซ ช่วยกันผลิต สกอร์ ให้กับบาร์เซโลน่าได้เป็นกอบเป็นกำจนหลายคนขนานนามให้ว่าเป็นสุดยอดสามประสาน MSN ที่ไร้เทียมทานมากที่สุดในโลกลูกหนังยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นหนึ่งส่วนสำคัญที่ช่วยให้ บาร์เซโลน่า ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการทำทริปเปิ้ลแชมป์ ทั้งรายการ ลาลีกา สเปน ฟุตบอลถ้วยในประเทศ และฟุตบอลถ้วยยุโรปใบใหญ่ “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
57

       ต้องบอกว่าเป็นเรื่องซะแล้วสำหรับอนาคตของ โจเซ่ มูริญโญ่ ในถิ่นเดอะ บริดจ์ของทีมสิงห์บลู เชลซี เพราะหลังจากที่มีการลือข่าวออกมาไม่นานว่าทาง ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ นายใหญ่ แอตฯมาดริด ทีมดังแห่ง ลาลีกา สเปน กำลังเตรียมโบกมือลาต้นสังกัดหลังจากจบซีซั่นนี้ ก็มีข่าวตามออกมาติดๆเลยว่า นายใหญ่ตราหมีคนเก่งรายนี้พร้อมที่จะเข้ามารับงานคุมทีม เชลซี ใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

       ทั้งนี้ตามรายงานของสื่ออย่างเดอะ มิร์เร่อร์ระบุว่า ซิเมโอเน่ กับมือขวาคนเก่งอย่าง เกร์มัน บูร์โกส พร้อมแล้วสำหรับการย้ายไปรับงานในอังกฤษหลังจบซีซั่นนี้ โดยในส่วนของ ซิเมโอเน่ ว่ากันว่าเจ้าตัวต้องการเผชิญกับความท้าทายใหม่ครั้งนี้ และหากว่าทีมเชลซีพร้อมให้อำนาจเบ็ดเสร็จในการซื้อขายตัวผู้เล่น กับยินยอมทุ่มงบก้อนโตเพื่อเปลี่ยนแปลงทีมให้เป็นไปตามที่ตนเองต้องการ ก็จะไม่มีอะไรขัดข้องในการย้ายไปใช้ชีวิตยังกรุงลอนดอนเลย

       ส่วน บูร์โกส ณ ตอนนี้ลือว่าเจ้าตัวได้เรียนภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการไปใช้ชีวิตที่ดินแดนผู้ดี้แล้ว อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีรายงานข่าวในเชิงบิลด์การเชื่อมโยงระหว่าง เชลซี กับ ซิเมโอเน่ ออกมาหนักขนาดนี้ แต่ทว่าบางกระแสก็ยังคงแสดงความเชื่อมั่นว่าเจ้าของเชลซี “โรมัน อับราโมวิช” ยังไว้วางใจ และพร้อมให้โอกาส โจเซ่ มูริญโญ่ ได้พิสูจน์ตัวเองต่อไป

       ซึ่งหากว่ากุนซือชาวโปรตุกีสสามารถพาทีมกลับมาได้ อย่างน้อยๆคว้าโควตาฟุตบอลยุโรปในซีซั่นหน้าได้ ก็พอจะมองเห็นโอกาสในการทำทีมในซีซั่นหน้าต่อไปเช่นกัน ถึงตอนนี้จึงต้องสรุปว่าเป็นเรื่องของการวัดใจ โรมัน อับราโมวิช เองแล้วล่ะว่าจะเชื่อมั่นกับมูริญโญ่ต่อไปอีกสักแค่ไหนกัน เช่นเดียวกันกับทางตัวมูริญโญ่เองก็น่าลุ้นมากว่าหลังจากนี้ไปเจ้าตัวจะมีดีพอที่จะทำให้สิงห์บลูพลิกสถานการณ์กลับมาได้หรือไม่
58
ข่าวฟุตบอล / 'สิงห์' สุดบู่เปิดรังพ่าย 'หงส์' ยับ!!!
« กระทู้ล่าสุด โดย Reporter เมื่อ พฤศจิกายน 01, 2015, 09:55:15 PM »
  1 - 3 

       ต้องบอกว่าผันตัวเองไปเป็นทีมลุ้นหนีตกชั้นเต็มตัวซะแล้ว สำหรับทีมแชมป์เก่า สิงห์บลู เชลซี ของยอดกุนซือ โจเซ่ มูริญโญ่ เมื่อเกมล่าสุด ซึ่งถือเป็นเกมใหญ่ และสำคัญมากๆของพวกเขากลับเป็นว่าพ่ายแพ้ให้กับคู่แข่งไปแบบเละเทะเลย

       ทั้งนี้เกมบิ๊กแมทประจำสัปดาห์ที่ 11 ของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นการพบกันระหว่างเชลซี แชมป์เก่า กับลิเวอร์พูลของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ โดยเกมนี้เล่นกันที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ บ้านของเชลซี

       ก่อนเกมหลายคนมองว่านี่จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของซีซั่นหากว่าลูกทีมของ มูริญโญ่ กำชัยชนะได้ กล่าวคือจากที่ฟอร์มบู่มานับตั้งแต่เปิดซีซั่นนี้จะกลายเป็นช่วยเรียกศรัทธาจากแฟนบอล และเรียกความมั่นใจจากนักเตะจนกลับมาอยู่กับร่องกับรอยได้สักที

       และจะว่าไปเกมนี้พวกเขาก็เริ่มต้นได้ดี อย่างที่หลายคนหวังซะด้วยเมื่อเป็นฝ่ายออกนำทีเยือนไปก่อนอย่างรวดเร็ว จากความผิดพลาดของทีมเยือนที่เสียบอลโดย เจมส์ มิลเนอร์ ผู้เล่นทางฝั่งขวา ทำให้ทางด้าน เซซาร์ อัสปลิกวยต้า ได้โอกาสพาบอลขึ้นไปเปิดให้กับ รามิเรส ที่ได้อานิสงค์จากความผิดพลาดในการไม่ทันมองดูตัวที่ต้องประกบของ อัลแบร์โต้ โมเรโน่ อีกหนึ่งผู้เล่นของหงส์แดงจนโขกเข้าไปได้อย่างง่ายดาย ในนาทีที่ 4

       ทว่าช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายของครึ่งเวลาแรก ฟิลิปเป้ คูติญโญ่ เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งของทีมเยือน มาตามตีเสมอให้เป็น 1-1 ก่อนที่ครึ่งเวลาหลัง นาทีที่ 74 จะเป็นคูตี้คนเดิมที่มาดับความหวังแฟนบอลเจ้าถิ่นด้วยการยิงประตูแซงนำให้กับทีมเยือนเป็น 2-1 ต่อด้วยนาทีที่ 83 คริสเตยอง เบนเทเก้ กองหน้าสำรองที่ถูกส่งลงมาแทน มิลเนอร์ จะบวกสกอร์ฝังให้ทีมเยือนเอาชนะไปได้ 3-1

       สำหรับเกมนี้หงส์แดงของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ออกสตาร์ท 11 ผู้เล่นตัวจริงด้วยการไม่มีกองหน้าอาชีพอยู่ในสนามเลย โดยใช้วิธีดัน เฟอร์มิโน่ ไปยืนเป็นกองหน้า และขยับ คูติญโญ่ เข้ามาเป็นตัวทำเกมร่วมกับ อดัม ลัลลาน่า แทน เนื่องจาก คริสเตยอง เบนเทเก้ มีสภาพร่างกายที่ไม่ฟิตเต็มร้อย ขณะที่ ดีว็อค โอริกี้ ที่ได้โอกาสก่อนหน้านี้ก็ทำผลงานได้ไม่ดี
59

       งานนี้ต้องบอกว่าถึงกับต้องยกให้เป็นอนาคตตัวความหวังใหม่ของทีมเลยทีเดียว สำหรับฟอร์มการเล่นของ โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ตัวรุกแซมบ้าของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ในเกมลีก คัพที่พวกเขาเฉือนเอาชนะบอร์นมัธไปได้ 1-0 เมื่อเป็นทางด้านของ เจมี่ คาราเกอร์ อดีตปราการหลังตัวเก่งของทีมที่ปัจจุบันทำหน้าเป็นนักวิเคราะห์เกมลูกหนังได้ออกมากล่าวกึ่งซูฮก กึ่งชื่นชมว่านักเตะเลือดใหม่หงส์แดงรายนี้สามารถฉายแววการเล่นได้โดดเด่น และพอจะทำให้เราได้เห็นภาพของอนาคตจอมทัพคนใหม่ของหงส์แดง

       ทั้งนี้เกมดังกล่าว หงส์แดง ชนะ บอร์นมัธ พร้อมผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไปได้จากประตูโทนของ นาธาเนียล ไคลน์ แบ็กขวาตัวเก่งของทีม

       แต่นอกจากประตูของไคน์แล้วสิ่งที่เรียกความสนใจได้มากเป็นพิเศษก็คือฟอร์มการเล่นของ โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ที่โดดเด่นกระทั่งได้เป็นแมนออฟเดอะแมท เพราะก่อนหน้านี้นับตั้งแต่ย้ายจาก ฮอฟเฟ่นไฮม์มาเมื่อช่วงตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมาเจ้าตัวยังไม่อาจโชว์ฟอร์มได้ดีตามที่ได้รับการคาดหวังกันเอาไว้เลย

      ส่วนประเด็นอื่นๆที่น่าสนใจของหงส์แดงหลังเกมเฉือนบอร์นมัธและกรุยทางสู่รอบต่อไปศึก แคปปิตอล วัน คัพ ก็มีในส่วนของการออกมากล่าวจากกุนซือขวัญใจเดอะ ค็อป “เจอร์เก้น คล็อปป์” โดยคล็อปป์กล่าวเปิดใจหลังเกมว่ารู้สึกพึงพอใจกับผลงานของทีมที่สามารถเอาชนะ และผ่านเข้ารอบต่อไปได้ แม้ว่าจะเป็นชัยชนะแบบเฉือนๆเพียงแค่ 1 สกอร์เท่านั้นก็ตาม

      นอกจากนี้ก็ยังเชื่อว่าชัยชนะในเกมนี้จะช่วยปลุกขวัญกำลังใจให้กับลูกทีมก่อนที่จะลงทำศึกใหญ่กับสิงห์บลู เชลซี ในสุดสัปดาห์นี้อีกด้วย ว่าง่ายๆคือคล็อปป์มองว่าเกมนี้เหมือนเป็นการเรียกความมั่นใจให้กับแข้งหงส์แดงก่อนลงดวลกับเชลซี แชมป์เก่า เพราะหากว่าผลเกมนี้ไม่ชนะก็แน่นอนว่าเรื่องของสภาพจิตใจก่อนดวลเชลซีก็น่าจะเป็นตรงข้าม กล่าวคือคงกล้าๆกลัวๆที่จะสู้กับเชลซีนั่นเอง
60
ข่าวฟุตบอล / ดาบี้แมทสุดจืด! 'ยูไนเต็ด' – 'ซิตี้' เจ๊าไร้สกอร์!!!
« กระทู้ล่าสุด โดย Reporter เมื่อ ตุลาคม 27, 2015, 11:41:22 PM »
               

       ต้องบอกว่าเป็นเกมดาบี้แมทเมือง แมนเชสเตอร์ ที่ผ่านพ้นไปแบบน่าผิดหวังมากทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแฟนบอลที่อุตส่าห์ลงทุนซื้อตั๋วเข้าไปชมเกม เพราะจากที่คาดกันว่าจะได้เห็นที่ดุเด็ดเผ็ดมันส์ การทำเกมบุกสวยๆจากบรรดานักเตะชั้นยอด ระดับโลกของทั้งสองทีม กลับกลายเป็นว่าเกมนั้นผ่านพ้นไปอย่างจืดชืดทั้งรูปเกมส์ ผลการแข่งขัน และผลบอลที่ออกมาด้วย

       ผลการแข่งขันที่ออกมานั้นก็เป็นการเสมอกันไปแบบไม่มีสกอร์เลย ขณะที่รูปเกมเกือบทั้งเกมต่างฝ่ายต่างแทบไม่มีโอกาสในการทำเกมรุกใส่กันแบบจะแจ้ง จะมีให้น่าตื่นเต้นหวาดเสียวบ้างเล็กน้อยก็ในช่วงท้ายๆเกมที่เป็นยูไนเต็ดเจ้าบ้าน ซึ่งมีจังหวะใกล้เคียงกับการจะได้ประตู แต่ท้ายที่สุดแล้วเหมือนโชคชะตากำหนดมาแล้วว่าให้สองทีมนี้จบกันไปแบบจืดชืด

       หลังจบเกมการแข่งขันจึงเป็นเรือใบสีฟ้าที่ได้กลับขึ้นนำจ่าฝูงต่อไป แต่มีแต้มเท่ากันกับทีมรองจ่างฝูงอาร์เซน่อล (ประตูได้เสียเรือใบดีกว่า) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รั้งอันดับสี่มีแต้มเท่ากับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทีมอันดับสามแต่ผลต่างประตูได้เสียเป็นรอง

       ด้านผลการแข่งขันของอีกคู่ที่แข่งในวันเดียวกัน แต่ลงเตะเป็นคู่ดึก หงส์แดง ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ยังคงขวานหาชัยชนะไม่เจอทำได้เพียงเปิดบ้านเสมอกับทีมนักบุญ เซาธ์แฮมป์ตันไป 1-1 หลังจบเกมอันดับของทั้งสองทีมจึงอยู่ติดกัน

       โดยเซาธ์แฮมป์ตันรั้งอยู่อันดับที่ 8 ลิเวอร์พูลรั้งอันดับ 9 แต้มเท่ากัน แต่ผลต่างประตูได้เสียของเซาธ์แฮมป์ตันนั้นดีกว่าอยู่ 5 ประตู (เซาธ์แฮมป์ตัน 3 ลิเวอร์พูล -2)

       สำหรับไฮไลท์การทำประตูกันในเกมนี้หงส์แดงได้ประตูนำไปก่อนจากลูกโขกของคริสเตยอง เบนเทเก้ ในนาทีที่ 77 จากนั้นนาทีที่ 87 ซาดิโอ มาเน่ มาตามตีเสมอให้ทีมเยือนเป็น 1-1 และในนาทีสุดท้ายของการแข่งขันซาดิโอ มาเน่ก็มาโดนใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามด้วย จากการไปฟาล์วตัดเกมแบบรุนแรงใส่ผู้เล่นทีมเจ้าบ้าน
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 10