ต้องคาราวะกันหน่อยสำหรับคากาวะที่สวมบทเป็นฮีโร่และนักเตะเอเชียคนแรกที่ทำแฮทริกในพรีเมียร์ ลีกช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ได้อีกประตูสุดสวยจากรูนี่ย์ล้างแค้นนอริช ซิตี้ไป 4-0 ขยับทำแต้มหนีแมนเชสเตอร์ ซิตี้เหลือ 15 คะแนนอีกหน
พรีเมียร์ ลีก
วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม 2556
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4 - 0 นอริช ซิตี้
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด เข้าสู่ช่วงแรกผ่านกันมาได้ 10 กว่านาทีแรก แมนฯยูไนเต็ด พยายามเล่นเกมรุกบุกใส่ตามสไตล์ที่ได้เล่นในบ้านของตัวเอง แม้ว่าจะยังเจาะเข้าไปไม่ได้ แต่ค่อยๆเร่งเครื่องแบบนี้ก็ถือว่าเป็นงานหนักของนอริชอยู่เหมือนกัน
นาทีที่ 15 ทำเอาเกมต้องหยุดไปพักหนึงเลยสำหรับจังหวะนี้ เมื่อนอริชจ่ายกันพลาด ทำให้อันแดร์สันได้บอลแทงให้กับฟาน เพอร์ซี่ชิ่งต่อไปรูนี่ย์ ก่อนจะจ่ายทะลุช่องกลับไปให้ฟาน เพอร์ซี่ควบไปเอาบอล แต่โดนบันน์อ่านเอาไว้ก่อน เลยกลายเป็นจังหวะบวกกัน 50-50 จนบันน์ลงไปนอนกอง แต่หลังปฐมพยาบาลก็โอเคกลับมาเล่นต่อได้
เกมดำเนินกันมาจนจะถึงครึ่งชั่วโมงแล้ว แม้ว่าแมนฯยูไนเต็ดจะครองบอลทำเกมกันได้มากกว่า แต่ต้องบอกเลยว่าจังหวะสุดท้ายของพวกเขายังขาดไปพอสมควร โดยเฉพาะลูกที่ป้อนให้เพื่อนเข้าทำ ขาดอยู่เยอะพอสมควร
นาทีที่ 34 อาจจะใช้จังหวะเยอะไปนิดแต่ก็จำเป็น สำหรับจังหวะนี้ที่วาเลนเซียอุตส่าห์ล็อกบอลหลบกองหลัง มีช่องยิงเปิดกว้างขึ้นหน้าเขตโทษ แต่ปัญหาคือมันเข้าเท้าซ้ายที่บอดเหลือเกิน เลยจ่ายให้เพื่อน รูนี่ย์ชิ่งกับคากาวะที่ป้ายกลับไอ้หมูซัดเน้นๆ แต่บอลติดบล็อกไปซะก่อน
เข้า 5 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เกมอึดอัดจริงๆ เพราะนอริชแพ็คแนวรับกันได้แน่น พลาดไปแค่ครั้งเดียวแล้วก็ยิงยาวเล่นกันได้ดีตลอดแนว ทำให้แนวรุกของแมนฯยูไนเต็ดเจาะเข้าไปลุ้นประตูไม่ได้เลย โยกแล้วโยกอีกก็ยังยากเหมือนเดิม
นาทีสุดท้ายของการทดเวลาครึ่งแรก เหมือนจะมีเฮงนิดๆสำหรับจังหวะนี้เพราะเข้าไปได้ไงก็ไม่รู้ เมื่อวาเลนเซียกระชากบอลขึ้นทางขวาก่อนที่จะเปิดยัดเข้าไปกลางเขตโทษ ฟาน เพอร์ซี่พยายามจะยื่นขาเกี่ยวบอลเอาไว้ไม่อยู่ แต่เด้งไปเข้าทางคากาวะที่ยืนอยุ่เแยๆ เลยจัดการดีดบอลแบบฝืนๆด้วยขวามุมแคบเข้าเบียดเสาเข้าประตูไปเฉยเลย ทำให้แมนฯยูไนเต็ดขึ้นนำไปก่อน 1-0 สำคัญมากจริงๆ
ก่อนจบครึ่งแรกสน็อดกราสเสี่ยงต่อการโดนใบแดงสุดๆ เพราะเขาสไลด์บอลเปิดปุ่มสูงใส่เอฟร่าจนลงไปนอนกองกับพื้น แต่ผู้ตัดสินยังใจดีแจกให้เพียงแค่ใบเหลือง ขณะที่เอฟร่าถกถุงเท้าให้ดูเลยว่าโดนขนาดไหน ก่อนจะจบ 45 นาที แมนฯยูไนเต็ดนำอยู่ 1-0 ชนิดที่กว่าจะได้ก็เหนื่อยน่าดู
ต่อมาในช่วงครึ่งหลังในนาทีที่ 50 ทำเผลอเกือบโดนไปเหมือนกันสำหรับแมนฯยูไนเต็ด เมื่อเจอเกมของนอริชทำกันเร็ว ขึ้นทางด้านข้าง ก่อนจะครอสต่ำเข้ามาวีดิชเหมือนจะสกัดง่ายๆ แต่กลายเป็นมีสน็อดกราสพุ่งมาโฉบแหย่ถึงก่อน ยังดีที่บอลมันปลิ้นๆหลุดข้ามคานออกไป
เล่นเต็มชั่วโมง ครึ่งหลังนี้นอริชดีกว่าเดิมอย่างชัดเจนเลย พวกเขาครองบอลและบุกใส่แมนฯยูไนเต็ดผิดกับครึ่งแรกลิบลับ ถ้าเล่นได้แบบนี้เรื่อยๆโอกาสตีเสมอมีมาอย่างแน่นอนไม่ต้องห่วงเลย
นาทีที่ 66 เหมือนความฟิตยังไม่เต็มร้อยพอสำหรับฟาน เพอร์ซี่ที่วันนี้ความเด็ดขาดในการเล่นดูจะน้อยกว่าเกมที่ผ่านมา ทำให้แมนฯยูไนเต็ดต้องเปลี่ยนเอาเวลเบ็คลงไปเล่นแทน อีกนัยหนึงก็เก็บเอาไว้รอเจอกับเรอัล มาดริดด้วย
หลังจากโดนนอริชกดอยู่พักหนึง เกมรุกของแมนฯยูไนเต็ดก็กลับมามีบทบาทอีกครั้ง พร้อมกับสเต็ปการแตกหลอกของเวลเบ็คที่ยึกยักเรียกเสียงฮาได้อีกเกมแล้ว
นาทีที่ 77 เป็นจังหวะที่เด็ดขาดมากสำหรับแมนฯยูไนเต็ดที่แม้ว่าเกมจะไม่ดีเด่กว่าเท่าไหร่ในครึ่งหลัง แต่การจ่ายจังหวะเดียวของคาร์ริคที่ตักข้ามยาวไปให้กับรูนี่ย์ควบขึ้นไปเอาบอลล็อกหลบกองหลัง ก่อนเห็นคากาวะเติมขึ้นตรงกลางเลยไหลให้แข้งยุ่นวิ่งมาแปเล่นทางย้อนศรเข้าเสาแรก ชนิดทั้งกองหลัง ผู้รักษาประตูหลังหักกันหมด ฉลาดจริง แมนฯยูไนเต็ดทิ้ง 2-0 โล่งกันแล้วกองเชียร์เจ้าบ้าน
นาทีที่ 81 ทำเอาฮาไม่ออกเลยสำหรับเวลเบ็คที่โดนเทิร์นเนอร์เข้าปะทะหนักจนลงไปนอนกองกุมข้อเท้ากับพื้น จนต้องให้ทีมแพทย์วิ่งเข้าไปช่วยกันเช็กอาการเต็มที่ ก่อนจะพาออกไปปฐมพยาบาลที่ข้างสนาม
นาทีที่ 87 สุดยอดมากจริงๆสำหรับคากาวะเมื่อเขามาระเบิดแฮทริกแรกในสีเสื้อของ "ปีศาจแดง" ได้จากจังหวะที่เพื่อนจ่ายบอลทะลุหลุดให้เข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะชิพบอลยกข้ามบันน์ส่งบอลเข้าไปนอนกองก้นตาข่ายได้อย่างสวยงาม แมนฯยูไนเต็ดทิ้ง 3-0
นาทีสุดท้ายของการแข่งขัน รูนี่ย์ก็มาทำประตูสุดสวยได้ไม่น้อยหน้าเพื่อน เมื่อเขาลากบอลหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่จะง้างเท้าสับไกส่งบอลพุ่งฮุคเสียบใต้คานอย่างสุดยอด แมนฯยูไนเต็ดถล่ม 4-0
จบ 90 นาทีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นฝ่ายเอาชนะไปด้วยสกอร์ 4-0 ต้องเรียกว่าถล่มเอาคืนได้เลยและนี่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอล เมื่อคากาวะได้กลายเป็นนักเตะเอเชียคนแรกที่สามารถทำแฮทริกในเกมพรีเมียร์ ลีกได้ด้วย
"ปีศาจแดง" ทำแต้มขยับหนีเป็น 15 คะแนนทิ้งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในอันดับที่ 2 ไม่เห็นฝุ่น ก่อนที่รายหลังจะเตะในศึกมันเดย์ไนท์
และนี่ก็เป็นเกมที่ 16 แล้วที่แมนฯยูไนเต็ดไม่พ่ายแพ้ใครติดต่อกันในลีก