"เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกมนี้เรียกได้ว่าเป็นเรือล่มในหนองเลยทีเดียว หลังจากที่บุกมาปราชัยให้กับน้องใหม่อย่าง "คาร์ดิฟฟ์" ที่สร้างปาฏิหารพลิกแซงสองลูกรวดโดย "เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์" อดีตนักเตะ "ปีศาจแดง" รับบทฮีโร่โหม่งเบิ้ลคว้าชัยหนแรกในซีซั่นนี้และในเวทีพรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีก
วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2556
คาร์ดิฟฟ์ 3-2 แมนฯซิตี้ ออกสตาร์ทเกมครึ่งแรก "เรือใบสีฟ้า" โชว์ความเหนือโดยเป็นฝ่ายได้ครองบอลเคาะไปมานานหลายทีแต่เจอทีเด็ดแนวรับเจ้าถิ่นที่ยืนเรียงกันหน้าเขตโทษจนยังไม่มีโอกาสได้ส่องเลย
นาที 21 ซิตี้ประสานงานกันสวยจนเกือบได้ประตูหลังเอลกุนทำชิ่ง 1-2 กับซิลบาก่อนที่แข้งตีนตะขอทีมชาติสเปนจะปาดเลียดมาเสาสองให้เชโก้ที่กำลังวิ่งมาเข้าฮอร์ตแต่กองหลังเจ้าถิ่นสไลด์หวดทิ้งออกหลังไปก่อนนิดเดียว
นาที 30 แนวรับคาร์ดิฟฟ์เริ่มทำงานหนักและเป็นกุนที่บรรจงเปิดบอลจากบนเส้น 18 หลาหน้าเขตโทษหมายจะให้เชโก้แต่คอนนอลลี่ที่ยืนประกบอยู่ชิงโขกคืนให้ประตูที่ยืนตรงตัวพอดี นี่ถ้าโหม่งไม่ดีมีหาย
ก่อนหมดเวลา 2 นาทีแคมป์เบลล์ได้ลูกกระดกจากเพื่อนจนหลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษไปดวลกับโจ ฮาร์ทแต่จังหวะจะยิงเจอฆาบี้ การ์เซียเหนี่ยวนิดนึงพอจะยิงเลสค็อตต์มาแหย่จากด้านหลังเสียจังหวะอดง้างเกือกกันไป
นาทีสุดท้ายคาร์ดิฟฟ์เกือบได้ประตูอีกแล้วหลังลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษตัวเองเป็นมาร์แชลล์ผู้รักษาประตูหวดสาดยาวขึ้นมาแล้วฆาบี้ การ์เซียโผนโขกไม่ดีกลายเป็นโหม่งเช็ดเข้าเขตโทษตัวเองทำให้แคมป์เบลล์วิ่งสอดมายิงดีดๆแต่ฮาร์ทปรี่ออกมาเร็วเลยบล็อกด้วยแขนรอดตายไปอีกหน หมดครึ่งแรก"เรือใบ"รอดตัวที่สกอร์ยัง 0-0
ลงสนามมาเล่นกันต่อในช่วงหลังได้ 7 นาทีเกมที่ก็ไม่ได้มีอะไรแต่กลายเป็นซฺตี้ที่ขึ้นนำ 1-0 จากลูกที่ยาย่า ตูเร่จ่ายบอลเลียดจากกลางสนามมาหน้าเขตโทษให้อาเกวโร่ที่ไขว้ต่อให้เชโก้วางเท้าซัดทะลุสองกองหลังเจ้าถิ่นที่ฟิวชั่นมาบล็อกแล้วแฉลบนิดนึงก่อนพุ่งวาบเบียดเสาและเสียบใต้สมเหลี่ยมเข้าไปอย่างสวยงาม
เกมเหมือนว่าทีมเยือนกำลังได้ใจและจะเอาลูกสองแต่นาที 59 กลายเป็นคาร์ดิฟฟ์ที่ตีเสมอได้หน้าตาเฉยเพราะไม่มีสัญญาณบ่งชี้อะไรเลยเนื่องจากแข้ง"เรือใบ"ยืนคุมพื้นที่แนวรับจนขุนพลมังกรต้องถ่ายบอลไปมาแบบขึ้นไม่ได้ตรงริมเส้นแต่แล้วจุดเปลี่ยนเป็นคิม โบ คุงที่สับขาหลอกกระชากหนีเลสค็อตต์ตรงริมกรอบเขตโทษก่อนปาดมาที่จุดนัดพบเสาแรก 6 หลาให้แคมป์เบลล์วิ่งมาแปยิงแต่บล็อกฮาร์ทก่อนที่กุนนาร์สสันจะตามมาเก็บตกตะบันจ่อๆไม่มีเหลือ 1-1 และถือเป็นลูกแรกในเวทีลีกสูงสุดในรอบ 51 ปีของพวกเขาเลยทีเดียว
ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาตอนนี้"เรือใบ"บุกหนักขึงอยู่หน้าเขตโทษคาร์ดิฟฟ์พยายามทำชิ่ง 1-2 ขยับไวออกตัวไวแต่แนวรับเจ้าถิ่นเยอะเกินไปที่จะใช้มุกตื้อนๆแบบนี้สุดท้ายเจอเตะทิ้งต้องไปตั้งเอากันใหม่
เกมตอนนี้วันเวย์แล้วเพราะคาร์ดิฟฟ์รอรับอย่างเดียวแต่ซิตี้ยังหาทางเจาะไม่ได้ขนาดตบบอลจากริมเขตโทษหรือเส้นหลังทั้งซ้ายทั้งขวาแต่จะมีแต่สีแดงยืนเต็มในกรอบถูกเคลียร์ทิ้งได้ตลอด
เกมที่เป็นรองมาตลอดแต่แล้วจู่ๆคาร์ดิฟฟ์มาได้ประตูขึ้นนำ 2-1 จากลูกเตะมุมแล้วโจ ฮาร์ทซึ่งถูกแข้งเจ้าถิ่นรบกวนแต่ก็กระโดดชกว่าวบอลยมาเข้าหัวแคมป์เบลล์ที่โขกเหน่งๆเผาขนไม่เหลือ สกอร์พลิกแล้ว
ปัญหาของ"เรือใบ"จากจังหวะเตะมุมกำเริบอย่างชัดเจนเพราะหลังจากบดคาร์ดิฟฟ์อยู่พักนึงก็มาเสียอีกแล้วและคราวนี้เป็นแคมป์เบลล์คนเดิมที่โผนโขกจากเสาสองบอลกระเด้งซุกตาข่ายท่ามกลางความสะใจของแฟนบอลเจ้าถิ่น
แฟนเจ้าถิ่นโห่กันเกรียวหลังผู้ตัดสินที่สี่ยกป้ายทดเจ็บถึง 6 นาทีและทดนาทีที่ 2 "เรือใบ"มาได้ประตูไล่มาเป็น 3-2 หลังซิลบาบรรจงเปิดปั่นไซด์ตรงหน้าเขตโทษฝั่งซ้ายด้วยน้ำหนักสุดเนียนก่อนที่เนเกรโด้จะโขกเหน่งๆ 6 หลาบอลย้อนศรเข้าไป ลูกแรกของเนเกรโด้ในพรีเมียร์ลีกด้วย