"ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ" กลายเป็นฮีโร่สองเกมติดเลยทีเดียว โดยนัดนี้จัดการเหมาคนเดียว 2 ประตู ก่อนได้ "ฟีล โจนส์" ซัดวอลเล่ย์แบบงามหยดและ "ฟาบิโอ" ยิงปิดกล่องให้ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เล่นแบบไม่ต้องกดดันอะไรมากเอาชนะ "นอริช ซิตี้" ไปด้วยสกอร์ 4-0 ทำให้ผ่านเข้ารอบแคปปิตอล วัน คัพต่อไป
แคปปิตอล วัน คัพ รอบ 4
วันอังคารที่ 29 ตุลาคม 2556
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4 - 0 นอริช ซิตี้
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด ลงสนามมาเจอกันได้ 11 นาทีโอกาสแรกของ "ปีศาจแดง" แบบจังๆได้บังเกิด เมื่อซาฮารับบอลมาจากยานูไซจ์ ก่อนที่จะวิ่งขึ้นทางริมเส้น แล้วจัดการครอสตัดขึ้นหน้าให้กับเอร์นานเดซได้หมุนตัวเกี่ยวบอลที่เสาแรก แม้ว่าจะเสียหลักแล้วแต่ก็ยังตวัดยิงบอลได้ เพียงแต่มันติดกองหลังเด้งหลุดกรอบออกไปนิดเดียวเท่านั้นเอง
นาทีที่ 20 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ประตูขึ้นนำไปก่อนเลยจากการที่กองหลังของนอริชไปทำฟาวล์ยานูไซจ์ในกรอบเขตโทษ แม้ว่ามุมจะแคบแล้วแต่ผู้ตัดสินอาจจะมองว่าเจตนาเตะตัด ทำให้เอร์นานเดซได้โอกาสซัดลูกโทษ วิ่งมายิงไปคนละทางกับที่บันน์พุ่ง ทำให้เจ้าบ้านนำ 1-0
ต้องบอกว่าการบุกทำเกมรุกส่วนมากของแมนฯยูไนเต็ดในเกมนี้มักจะมาจากเท้าของยานูไซจ์ที่วิ่งโผล่ไปทั่วทุกพื้นที่ มีจังหวะการจ่ายบอลทะลุบล็อกของผู้เล่นนอริชได้อยู่หลายครั้ง ส่วนซาฮามีโอกาสลากขึ้นไปเปิดอยู่ 2-3 ครั้ง รวมๆแล้วถือว่าไม่เลว
ผ่านครึ่งชั่วโมงแรกไป นอริชเป็นฝ่ายได้ตั้งเกมรุกเพื่อลุ้นประตูคืนบ้าง แม้ว่ารวมๆแล้วพวกเขาจะยังเจาะเข้าไปถึงพื้นที่สุดท้ายเพื่อลุ้นประตูไม่ได้ แต่ก็ได้ครองบอลอยู่นานสองนานเหมือนกัน
นาทีที่ 35 โชว์เลยสำหรับจังหวะนี้ของยานูไซจ์เมื่อแมนฯยูไนเต็ดตัดบอลมาได้ ก่อนที่เขาจะได้บอลลากจี้ไปหน้าเขตโทษ ไม่มีตัวจ่ายและตัวเข้ากดดันเช่นเดียว เลยจัดการปั่นบอลแบบนิ่งๆผ่านบล็อกและมือของบันน์ไปแล้ว แต่มันเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้นเอง
นาทีที่ 39 เคลื่อนไปนิดเดียวสำหรับจังหวะนี้เมื่อซาฮาได้บอลทางด้านขวา ก่อนที่จะแตะลากถึงเส้นหลังแล้วจัดการตบกลับเข้าในเร็ว ยานูไซจ์วิ่งมาพร้อมจะเข้าตำแหน่ง แต่เหมือนจังหวะจะไม่ตรงกันเลยเกี่ยวบอลไม่ติด อดลุ้นทำประตูไปเลย
นาทีที่ 45 ก่ะว่าจะหล่อระเบิดสักหน่อยสำหรับจังหวะนี้ของยานูไซจ์ที่ได้บอลทางด้านซ้ายของกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะลากตัดผู้เล่นนอริชไปได้ 2 คน จัดการซัดเน้นๆติดบล็อก บอลเด้งออกมายังอยู่ในระยะของเขาอยู่เลยตามเข้าไปซัดอีกดอก ก็ยังติดบล็อกอีกซะงั้น
จบ 45 นาทีแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนำอยู่ 1-0 จากจุดโทษของเอร์นานเดซ ทำให้เจ้าบ้านได้เปรียบอยู่ก่อนที่จะพักครึ่งเพื่อไปติวแท็คติกกันต่อ
ต่อมาในช่วงครึ่งหลังในนาทีที่ 53 เป็นสูตรถนัดของเอร์นานเดซตามเคยสำหรับการยืนตำแหน่งรอลูกครอวจากด้านข้าง เมื่อบุตต์เนอร์เติมขึ้นทางซ้าย ก่อนที่จะตวัดครอสบอลเข้ากลาง ให้เอร์นานเดซที่ยืนอยู่เสาแรกได้ขึ้นโขกเดี่ยวๆ แม้ว่าจะติดเซฟในจังหวะแรก แต่เขาก็ตามเข้าไปขวิดอีกดอกไม่มีเหลือ แมนฯยูไนเต็ดทิ้ง 2-0 จากหน้าเดิมอย่าง 'ชิชาริโต้'
อีก 4 นาทีต่อมา นึกว่าจะโดนตีไข่แตกอย่างรวดเร็วซะแล้วสำหรับแมนฯยูไนเต็ด เมื่อเร้ดม่อนด์แต่งบอลได้สวยหลบบุตต์เนอร์ไปตักบอลที่สุดเส้นหลัง ก่อนที่สน็อดกราสส์จะพุ่งตัวเข้ามาโขกแบบเน้นๆตรงกลางเขตโทษจากะระยะไม่กี่หลา แต่ลินเดการ์ดก็ทำได้เยี่ยมในการบินไปเซฟเอาไว้ได้อยู่มือเลย
แต่ที่น่ากังวลก็คือตัวสน็อดกราสส์ซึ่งจังหวะขึ้นโหม่งนั้นเขาชนกับราฟาเอล ก่อนที่จะหล่นลงมากระแทกกับพื้น อาการน่าเป็นห่วงเพราะดูจากปฏิกริยาของลินเดการ์ดที่รีบวางบอลแล้วเข้าไปพลิกตัวเพื่อนร่วมอาชีพขึ้น ก่อนที่หน่วยแพทย์จะวิ่งเข้าไปช่วยกันดูอาการนานกว่า 10 นาที เพราะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมากในการเคลื่อนย้ายตัว ก่อนที่จะส่งพิลคิงตันลงไปเล่นแทน
นาทีที่ 70 ความพยายามปั่นบอลจากนอกกรอบเขตโทษของยานูไซจ์วันนี้ยังไม่สัมฤทธิ์ผลสักเท่าไหร่ เมื่อเขาได้บอลตรงกลางสนาม ก่อนที่จะลากยาวทะลุขึ้นไปหน้าเขตโทษ ไม่มีใครเข้ากดดันเหมือนเดิม ทำให้เจ้าตัวเล็งปั่นบอลไปเสาสองก่ะให้เสียบเน้นๆ แต่บอลมันโค้งไม่พอเลยหลุดออกหลังไป
เกมเข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย มีแค่ช่วงสั้นๆช่วงหนึงเท่านั้นที่นอริชดูเหมือนว่าจะทำเกมรุกได้บ้างในครึ่งหลัง แต่แล้วพวกเขาก็ไม่สามารถบุกกดดันแนวรับของทางเจ้าบ้านได้ ถ้าเล่นแบบนี้ไปเรื่อยๆยังไงก็คงไม่มีหวังตีเสมอได้แน่
ที่เห็นกันชัดๆแล้วเนี่ยน่าจะ 4-5 ครั้งเลยทีเดียวสำหรับการเปิดของยังในเกมนี้ที่ไม่ได้เข้าเป้าหาเพื่อนเลย นี่ยังไม่นับจังหวะที่เขาเปิดบอลไม่ขึ้ยจากตำแหน่งทางริมเส้นจนทำให้โดนกองหลังของนอริชดักสกัดเอาไว้ได้ด้วย
นาทีที่ 79 แมนฯยูไนเต็ดถอดเอาซาฮาที่วันนี้ได้รับโอกาสลงประเดิมตัวจริงให้กับทีมลงสนาม แล้วเอารูนี่ย์ลงไปเล่นแทน ดูแล้วมอยส์เน้นน่าดูเพราะคงจะให้หอกทีมชาติอังกฤษลงไปเก็บบอลในช่วงเวลาที่เหลือนี้
นาทีที่ 87 เป็นประตูปิดกล่องแบบสนิทและเรียกรอยยิ้มของแฟนบอลกับเพื่อนร่วมทีมได้เลยสำหรับโจนส์ ในจังหวะที่เขาเติมขึ้นไปเล่นเกมตั้งเตะ ก่อนที่จะวอลเล่ย์บอลที่กองหลังนอริชสกัดก่อนออกมาไม่ขาดพุ่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม แมนฯยูไนเต็ดถล่ม 3-0
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บแมนฯยูไนเต็ดก็มาได้ประตูที่ 4 จากการสอดเติมขึ้นไปยิงลอดตัวของบันน์ผ่านเข้าประตูไป ทำให้ฟาบิโอทำประตูแรกของเขากับทีมในซีซั่นนี้ได้และเป็นสกอร์ถล่ม 4-0 ของแมนฯยูไนเต็ดเลย
จบ 90 นาทีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดโชว์ฟอร์มสุดเด็ดเอาชนะนอริช ซิตี้ไปได้ 4-0 ในบ้านของพวกเขาเอง ทำให้ทะลุผ่านเข้ารอบแคปปิตอล วัน คัพต่อไป