"เด็กผี" ทั้งหลายนั่งชมกันอย่างสนุกเลย เมื่อสองแข้งใหม่แกะกล่องอย่าง "พาวล์" และ "บุตต์เนอร์" ลงสนามกันทั้งสองราย แถม "สโคลส์" ยังทำประตูฉลองลงครบ 700 เกม ถล่ม "วีแกน" กันอย่างสนุกสนาน 4-0
พรีเมียร์ ลีก
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4 - 0 วีแกน
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด
"ผีแดง" จัดการส่งตัวแบ็คซ้ายตัวใหม่อย่าง "บุตต์เนอร์" ลงประเดิมสนามทันที ต้องดูว่าฟอร์มของเขาจะสมใจที่แฟนอยากให้ลงโชว์ฝีเท้าหรือไม่ แต่ตำแหน่งอื่นๆอย่าง "คากาวะ" และ"ฟาน เพอร์ซี่" ดาวยิงดัทช์แมนนั้นต้องนั่งสำรองไปเพราะไปเจ็บจากทีมชาติมา ออกสตาร์ทครึ่งแรกกันมาในนาทีที่ 4 เล่นเอาเหล่าแฟนบอลถึงกับงงกันไปเลยเหมือนกัน สำหรับจังหวะนี้ที่ผู้ตัดสินเป่าให้จุดโทษกับช๊อตที่เวลเบ็คพยายามควบไปเอาบอลที่นานี่เปิดขึ้นหน้าอย่างสวยแล้วแตะผ่านอัล ฮับซี่ที่เบรคแบบเคลียร์สุดๆไม่มีการเข้าปะทะ จนเป็นแข้งโก๋แดนเองที่ดีดตัวแล้วล้มลงไป ได้จุดโทษซะอย่างนั้น แต่กระนั้นเอร์นานเดซก็ยังขุ่นมัวกับการทำประตูต่อไป เพราะอุตส่าได้รับหน้าที่สังหารแต่ดันยิงไปให้อัล ฮับซี่เซฟเต็มมือเลย
แม้ว่าจะได้บุกตามสไตล์การเล่นในบ้าน แต่แมนฯยูไนเต็ดเก็บบอลในแดนหน้าได้ค่อนข้างน้อย เพราะเอร์นานเดซไม่ใช่สไตล์อยู่กับบอลได้ดี ส่วนเวลเบ็คที่มีทักษะทางนี้ก็ต้องขยับลงต่ำไปช่วยต่อบอล เพราะโดนหลังวีแกนบีบเยอะ
นาทีที่ 18 เป็นจังหวะที่ทำได้ดีทั้งคนจ่ายและคนจบ นานี่ยึกยักพาบอลจี้เข้าในเขตโทษ ก่อนที่จะบรรจงตักข้ามไปให้กับเวลเบ็คที่ยืนรออยู่ได้เอี้ยวตัววอลเล่ย์จังหวะเดียวผ่านบล็อก แต่ติดตรงบอลมันหลุดกรอบออกไปแบบเฉี่ยวๆ
เป็นการประเดิมสนามที่ต้องเอาใจช่วยกันพอสมควรเลยสำหรับบุตต์เนอร์แบ็คตัวใหม่ของแมนฯยูไนเต็ดที่เสียเหลี่ยมผู้เล่นของวีแกนไปจังๆสองครั้งแล้ว ตั้งแต่ทำฟาวล์จนเสียฟรีคิกและก็ไปเข้าพรวดจนเพื่อนโดนส่องหนึ่งดอก แอบเสียวๆ
นาทีที่ 34 ไอ้จังหวะไม่มีอะไรก็ไปทำให้กรรมการเล็งเอาจนได้สำหรับสโคลส์ กับการเข้าสกัดแบบเตะรวดทั้งข้อเท้าใส่มาโลนี่ย์ตรงกลางสนาม ทั้งที่ไม่ใช่จังหวะต้องตัดเกมอะไรทั้งนั้น ครั้งหน้าเดี๋ยวได้มีจดชื่อแน่
ตอนนี้กลายเป็นวีแกนที่ขยับเกมเล่นขึ้นมาได้ดีกว่าแมนฯยูไนเต็ด พาบอลขึ้นไปกดดันได้หลายต่อหลายครั้ง แนวรับแมนฯยูฯเองก็ดูหลวมชอบกล อาจจะโดนเข้าได้เหมือนกัน
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ถือว่าเป็นใบเหลืองแรกต้อนรับการมาเล่นบนเกาะผู้ดีสำหรับบุตต์เนอร์ที่วันนี้โดนเผาไปหลายรอบ จนไปหวดขาผู้เล่นของวีแกนเพราะบังทางไม่อยู่
จบครึ่งแรกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคงต้องทำการบ้านกันบาน เพราะเกมไม่ได้เฉียบคมสักเท่าไหร่ จังหวะเข้าทำก็ดูจะน้อยเกินไป มีแค่ช่วงต้นเกมเท่านั้น เสมอกันอยู่ 0-0 รอ 45 นาทีที่เหลือ
กลับมาเล่นกันต่อในนาทีที่ 51 กรี๊ดกันคอแตกเลยสำหรับแฟนบอลแมนฯยูไนเต็ดในสนาม ในจังหวะที่คาร์ริคเก็บตกบอลหน้ากรอบเขตโทษได้ ก่อนจะป้ายเร็วไปให้กับนานี่ที่รอด้านข้าง แล้วจ่ายยัดเข้าหน้าประตูอย่างสวย อัล ฮับซี่ต้องปัดออกมาอย่างไม่มีทางเลือก สโคลส์เลยตามเข้าไปซ้ำไม่มีเหลือ แมนฯยูไนเต็ดขึ้นนำไปแล้ว 1-0
ไอ้จุดโทษมันไม่ใช่ระยะทำการสำหรับเอร์นานเดซที่แม้จะพลาดจุดโทษในต้นเกมไป แต่ก็มาแก้ตัวได้ในจังหวะที่บุตต์เนอร์แข้งใหม่ของแมนฯยูไนเต็ดเติมขึ้นไปเปิดจังหวะเดียวที่เสาแรกให้เอร์นานเดซเข้าชาร์จตามถนัดส่งบอลเข้าประตูและไม่ล้ำหน้า เกมทิ้งห่าง 2-0 ในนาทีที่ 64
อีก 2 นาทีต่อมา คราวนี้คอแตกกันจริงๆ เพราะบุตต์เนอร์ที่โชว์เข้าสกัดว่าวไปหลายดอกมาขอแก้ตัวแบบโคตรหล่อ ในจังหวะที่เขาเติมเกมขึ้นกราบซ้าย แตะกระชากบอลหนีผู้เล่นของวีแกน ก่อนที่ะแตะลอดดากอีกตัว ล็อกหลบเข้าในกรอบเขตโทษแล้วซัดมุมแคบ บอลเด้งตัวของอัล ฮับซี่ที่ยืนคุมไม่ดีเข้าประตูไป เกมห่าง 3-0 ภายในเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น
นาทีที่ 71 ถือว่าทำผลงานในเกมประเดิมครบรอบกันได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งสโคลส์และกิ๊กส์เมื่อพวกเขาถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามพร้อมเสียงปรบมือกึกก้อง ก่อนที่จะส่งฟาน เพอร์ซี่และพาวล์ลงไปเล่นแทน
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย ตอนนี้เกมของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดดูจะเพลาเครื่องลงไปเยอะแล้ว ทำให้วีแกนมีโอกาสที่จะลุยขึ้นไปลุยประตูบ้างเหมือนกัน แต่แนวรับของเจ้าบ้านที่เพิ่งส่งอีแวนส์ลงไปเล่นแทนวิดิชก็ยังเอาอยู่
นาทีที่ 82 เป็นลูกยิงที่ยอดเยี่ยมและเฉียบขาดเหลือกินสำหรับพาวล์ที่เพิ่งจะลงไปเล่นได้ไม่นาน เมื่อเขาได้บอลหน้ากรอบเขตโทษ แตะก่อนหนึ่งจังหวะก่อนที่จะกดแบบเต็มตีนเตี่ย ส่งบอลพุ่งเป็นจรวดทะลุมือของอัล ฮับซี่ที่บอลยังไงก็ไม่อยู่เข้าไป เกมขาดลอย 4-0
จบ 90 นาทีเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่โชว์หนังคนละม้วน ครึ่งแรกไม่ค่อยเอาอาว มาปล่อยของในครึ่งหลังระเบิดประตูถล่มวีแกนไป 4-0 เก็บสามคะแนนเต็มๆในบ้านของพวกเขาเอง