"เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เค้นฟอร์มสุดยอดมาในเกมนี้เพื่อล้างแค้น "สิงห์บลูส์" เชลซี ที่ทั้งเกมได้ยิงสองทีแบบไม่มีอะไรคาใจโดย "สเตฟาน โยเวติช" และ "ซาเมียร์ นาสรี" ช่วยกดชนะ 2-0 ทะลุรอบ 8 ทีมสุดท้ายเอฟเอ คัพได้ลุ้น 4 แชมป์ต่อไป
เอฟเอ คัพ รอบ 5
วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2557
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 เชลซี
สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม เปิดฉากเริ่มเกมมาในช่วง 10 นาทีแรกทั้งสองฝ่ายยังสู้กันตรงแดนกลางทำให้แทบไม่มีจังหวะยิงประตูกันเลยโดยซิตี้เป็นฝ่ายที่มักตัดฟาวล์เชลซีก่อนเสมอเพื่อไม่ให้เข้ามาในเขตอันตรายได้และมองหาทางโต้กลับแต่ก็ยังไม่ได้ผลมากเท่าไหร่
โอกาสงามครั้งแรกเป็นของเจ้าถิ่นเมื่อยาย่าจับบอลได้จากกลางสนามก่อนลากบอลหนีมาติชแล้วซัลโวด้วยขวาเต็มข้อบอลพุ่งแรงทำให้เช็คซองแตกก่อนจะมีโยเวติชวิ่งเข้ามาซ้ำไม่กี่หลาแต่ดันยิงเหินข้ามคานเสียอย่างนั้น
และการบุกครั้งที่สองของซิตี้ก็มาได้ประตูเลยโดยเป็นจังหวะโต้กลับอีกแล้วที่ซิลบาต่อบอลมาให้เชโก้จ่ายออกทางขวาไปให้โยเวติชที่รออยู่ลากเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนยิงลอดตัวของอัซปิลิกวยต้าที่พยายามพุ่งบล็อคก่อนบอลไปชนเสาไกลเข้าประตูไปแบบสุดคม
นาทีที่ 20 เชลซีเกือบได้บ้างเมื่ออิวาโนวิชสอดเข้ามารับลูกเปิดในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนตัดสินใจเปิดยัดมาทางเสาแรกเอโต้เข้าไม่ถึงแต่ปานติลิม่อนก็ล้มรับไม่อยู่มือแต่โชคยังดีที่ไม่มีนักเตะทีมเยือนอยู่ทำให้นายทวารร่างโย่งตามมาเก็บผลงานของตัวเองได้อีกครั้ง
"เรือใบสีฟ้า"สวนมาแต่ละทีอันตรายเหลือเกินและคราวนี้ซิลบาจ่ายบอลให้เชโก้จับบอลก่อนหนึ่งจังหวะแล้วสับด้วยซ้ายทันทีหน้าปากเขตโทษคราวนี้เช็คยังพุ่งไปปัดทิ้งได้ทันเวลา
เกมผ่านไปช่วง 40 นาทีแล้วเชลซียังไม่สามารถหาช่องเจาะแผงหลังของแมนฯ ซิตี้ได้แต่กอมปานีต้องมาสังเวยใบเหลืองเมื่อตัดสินใจไปเตะอาซาร์เพื่อตัดเกมก่อนถึงหน้าปากเขตโทษ
ก่อนหมดครึ่งแรกสองนาทีซิตี้ได้โอกาสทองเลยเมื่อลุยซ์เข้าบอลพรวดพราดทำให้มิลเนอร์ตามมาเก็บบอลแล้วกระชากไต่ริมเส้นด้านขวาไปแล้วปาดเข้ากลางอย่างพอเหมาะพอเจาะทว่าเชโก้กลับเข้าไม่ถึงเสียอย่างนั้น
กลับมาเล่นกันต่อในช่วงครึ่งหลัง "โจเซ่ มูรินโญ่" ตัดสินใจแก้เกมโดยส่งโมฮาเหม็ด ซาลาห์ปีกตัวใหม่ลงสนามมาแทนเอโต้ที่ไม่ค่อยมีบทบาทในแดนหน้าแล้วดันอาซาร์ขึ้นไปเป็นแนวรุกตัวที่อยู่สูงที่สุด
"เรือใบสีฟ้า"ยังมีโอกาสเข้าทำที่ได้ลุ้นกว่าเยอะและมาได้โอกาสสวยๆจากจังหวะเติมเกมด้านซ้ายก่อนกลีชี่จะเปิดเข้ากลางหลังเชลซีสกัดกันไม่ดีโยเวติชเก็บบอลได้แต่พยายามฝืนยิงเกินไปทำให้บอลโด่งออกไปไกล
จังหวะนี้ไม่น่าเลยจริงๆเมื่อโยเวติชสังเวยใบเหลืองไปในจังหวะที่เขาแตะบอลหนีลุยซ์แล้วไปเฉี่ยวดาวเตะบราซิลเลี่ยยนนิดเดียวก่อนผวาล้มแบบไม่เนียนแม้แต่น้อยทำให้โดนจดชื่อไปตามระเบียบ
เกมผ่านไปแล้ว 65 นาที"เรือใบสีฟ้า"ยังคงบุกเหมือนเดิมและมาได้ประตูที่สองแบบสุดสวยโดยเริ่มจากนาสรี่ที่เปิดเกมเองก่อนแทงบอลให้ซิลบาทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษที่ดูเหมือนจะล้ำหน้าแล้วดาวเตะสแปนิชปาดกลับมาให้มิดฟิลด์ฝรั่งเศสแปด้วยขวาเข้าประตูโล่งๆไม่มีเหลือ
จังหวะสวนกลับของเจ้าบ้านยังอันตรายเหมือนเดิมโดยกอมปานีโยนยาวจากแดนหลังให้เชโก้พักบอลได้ในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนไหลย้อนกลับมาให้นาสรี่ปรี่เข้ามาซัดทันทีแต่คราวนี้ยังโดนเคฮิลล์ตามมาบล็อคเอาไว้ได้ทันเวลา
แฟนเจ้าถิ่นเฮกันเก้อเลยโดยเป็นจังหวะเตะมุมที่การ์เซียได้โขกตรงเสาแรกให้เช็คต้องปัดบอลก่อนที่เลสค็อตต์จะตามเข้ามาเล่นแล้วบอลเข้าประตูไปโดยคราวนี้ไลน์แมนตาดีจับฟาวล์ปราการหลังอังกฤษไปเสียก่อน
เชลซีเพิ่งจะมาได้เตะมุมครั้งแรกในนาทีที่ 85 แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ก่อนที่มาติชจะได้ลุ้นจากลูกโยนยาวกลางสนามแล้วจับบอลลงอย่างสวยทว่าเลสค็อตต์ยังตามมาเตะทิ้งออกหลังไปหวุดหวิด
สุดท้ายทั้งเกมเชลซียิงไม่ตรงกรอบแม้แต่หนเดียวทำให้ต้องตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายไปแบบสุดช้ำส่งให้"เรือใบสีฟ้า"ยังมีลุ้นครบทุกถ้วยในฤดูกาลนี้ต่อไป
