พฤศจิกายน 22, 2024, 12:33:34 AM

ผู้เขียน หัวข้อ: "RVP" ยิงไป-กลับ~!! จุดโทษให้ "ผีแดง" ตีเจ๊า "ปืนใหญ่" มันส์หยด 1-1  (อ่าน 3940 ครั้ง)

888Bullets

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2127
    • ดูรายละเอียด
โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ถูกโฉลกกับกฏการยิงประตูทีมเก่าเต็มๆ เพราะเขาซัดทั้งไปและกลับใส่อาร์เซนอล หลังโดนขึ้นนำก่อน แต่มาเรียกจุดโทษได้แล้วรับหน้าที่สังหารไม่เหลือ ทำให้จบเกมที่เปิดแลกกันสุดมันส์ไป 1-1 "ปีศาจแดง" เลิกคิดเรื่องทำลายสถิติคะแนนสูงสุด ส่วน "ปืนใหญ่" ร่วงลงที่ 4 ลุ้นหนักกับตำแหน่งท็อปโฟร์



พรีเมียร์ ลีก
วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2556
อาร์เซนอล 1 - 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
สนาม เอมิเรตส์ สเตเดี๊ยม

                เริ่มเกมมาถึงแม้ว่าภาพช้าจะล้ำหน้า แต่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไรแบบนี้แล้วก็ต้องเลยไปตามนั้น เพราะแค่ 2 นาทีแรก อาร์เซนอลก็มาทำประตูขึ้นนำได้อย่างไว จากจังหวะที่ฟาน เพอร์ซี่ไปเสียบอลตรงกลางสนาม ก่อนที่ "ปืนใหญ่" จะสวนเร็วแทงบอลยาวให้วัลค็อตต์ที่ยืนเหลื่อมกว่ากองหลังวิ่งไปเอาบอลแล้วแปสวนตัวเด เกอาเข้าประตูไป อาร์เซนอลนำเร็วสุดๆ 1-0

ความคึกมันเต็มปรี่อยู่ในหัวใจสำหรับนักเตะของอาร์เซนอลในเกมนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ครองบอลเยอะมาก แต่จังหวะที่บุกไปกดดันนี่ก็ได้ลุ้นน่าดู มีจังหวะซัดไกลที่เด เกอาต้องบินปัดไปอีกดอกด้วย

นาทีที่ 17 ถ้าตรงกรอบนี่มีลุ้นถึงประตูแน่อยู่แล้วสำหรับจังหวะนี้ที่โจนส์ซึ่งเพิ่งโดนใบเหลืองจากการไปเสียบอาร์เตต้าเติมขึ้นไปตรงกลางเขตโทษ ฟาน เพอร์ซี่ตักบอลถวายพานหวังให้โหม่งเน้นๆ แต่แข้งเหยเกกลับสะบัดผิดเหลี่ยม บอลปลิ้นหลุดออกหลังไปเลย

ดูสถานการณ์แล้วแมนฯยูไนเต็ดต้องแก้กันหลายจุดเลย นอกจากเกมรุกของพวกเขายังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่เกมรับก็ยังไม่ดีพอ เพราะไม่สามารถยหุดการเล่นตรงกลางของอาร์เซนอลได้ โรซิคกี้, อาร์เตต้ามีอิสระในการเล่นพอสมควร

นาทีที่ 27 พยายามมุ่งมั่นเกินหรือเปล่าไม่รู้ แต่ฟาน เพอร์ซี่พยายามที่จะสไลด์เข้าสกัดจังหวะที่เซสนี่ย์จ่ายต่อให้กับแมร์เตซัคเกอร์จนกลายเป็นเสียบข้า สุดท้ายโดนใบเหลืองเป็นคนที่ 3 ของทีม หลังจากโจนส์กับราฟาเอลถูกจัดมาก่อนหน้านี้แล้ว

เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย เซอร์ อเล็กซ์นั่งหน้าเครียดเลย เพราะว่าลูกทีมอ่อนกว่าชัดเจนตรงกลางสนาม แถมจังหวะบุกปีกสองข้างก็พึ่งพาไม่ได้ ลูกง่ายไม่เล่นดันไปเล่นฝืน ทำให้โอกาสบุกแบบจังๆเล่นมาตั้งนานแล้วยังไม่มีให้เห็นเลย

นาทีที่ 39 เป็นจังหวะเซฟที่พลีชีพเลยก็ว่าได้สำหรับเซสนี่ย์ กับจังหวะการบุกแบบได้น้ำได้เนื้อของแมนฯยูไนเต็ดครั้งแรกขึ้นทางด้านข้าง ก่อนที่จะตักบอลเข้ากลางเขตโทษให้ฟาน เพอร์ซี่ที่รออยู่แล้วบินขึ้นไปโขกเต็มๆหัว แต่เซสนี่ย์ก็พุ่งมาบล็อกด้วยหน้าแบบเต็มๆ เอาอยู่เลย แม้ว่าเจ้าตัวจะต้องลงไปนอนกองเพราะอาการมึนก็ตาม

นาทีที่ 44 แมนฯยูไนเต็ดมาได้จุดโทษซึ่งก็ไม่ใช่จากใครที่ไหนแต่เป็นฟาน เพอร์ซี่ที่ไปฉกตัดบอลจากจังหวะที่ซานญ่าจ่ายคืนหลังพลาด ก่อนที่แบ็คปืนใหญ่จะพยายามตามเข้าไปสกัด จนกลายเป็นเสียบจากด้านหลังล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที ฟาน เพอร์ซี่รับหน้าที่สังหาร แม้ว่าจะโดนโห่หนัก แต่เขาก็ซัดบอลพุ่งผ่านมือของเซสนี่ย์เข้าไปเสียบตาข่ายอย่างคม แมนฯยูไนเต็ดตีเสมอ 1-1 กลายเป็นว่าแข้งเลือดดัตช์ซัดอาร์เซนอลได้ทั้งไปกลับเลย

จบ 45 นาทีแรก ถือว่าแมนฯยูไนเต็ดมาได้ประตูตีเสมอในช่วงเวลาที่สำคัญอย่างแรก ทำให้ทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ 1-1 ก่อนกลับมาเตะในครึ่งหลัง แต่ขอบอกเลยว่าเกมของอาร์เซนอลยังทำได้ดีกว่าเหมือนเคย เฟอร์กี้นอนใจไม่ได้ โดยเฉพาะแดนกลางที่ยวบกว่าชัดเจน

               ต่อมาในช่วงครึ่งหลัง ถือว่าแลกหมัดกันเลย เริ่มจากอาร์เซนอลที่มีโอกาสจากการขึ้นเกมของโรซิคกี้ที่ตัดสินใจซัดบอลทันทีแม้ว่าจะมีเพื่อนรออยู่ซึ่งก็น่าเสียดายที่พุ่งหลุดกรอบออกไป ส่วนแมนฯยูไนเต็ดมาได้ประตูสวนคืนจากจังหวะที่ฟาน เพอร์ซี่หลุดขึ้นทางซ้าย ก่อนจะเปิดยัดเข้ากลาง แต่มันแรงไปหน่อย เลยพลาดหมดทั้งรูนี่ย์และก็นานี่

นาทีที่ 60 ขอโวยสักหน่อยสำหรับผู้เล่นของแมนฯยูไนเต็ด เพราะซานญ่าไปเสียบช้าใส่เอฟร่าจนตัวลอย แต่ผู้ตัดสินไม่ว่าอะไรปล่อยให้เป็นจังหวะได้เปรียบและไม่มีการตักเตือน เพราะหากมีขึ้นมาล่ะก็ใบแดงได้เลย เพราะเจ้าตัวมีใบเหลืองติดอยู่แล้ว

สถานการณ์มันชักจะเปลี่ยนไปจากเกมที่พวกเขาเล่นได้ในครึ่งแรก ทำให้อาร์เซนอลต้องปรับทัพด้วยการส่งวิลเชียร์ลงไปเล่นแทนโรซิคกี้ ต้องดูว่าสภาพร่างกายของเขาจะพร้อมลุยเกมหนักแบบนี้หรือไม่

นาทีที่ 65 เกือบทำทีมเสียจุดโทษซะแล้วสำหรับวาเลนเซียกับจังหวะที่เขาพยายามจะเข้าสกัดการตัดบอลเข้ากลางของผู้เล่นอาร์เซนอลแล้วกลายเป็นว่าบอลไปเด้งโดนแขน ยังดีที่อยู่นอกกรอบเขตโทษ แต่ก็รับใบเหลืองไปเพราะผู้ตัดสินมองว่าเจตนา 5 ใบแล้วสำหรับ "ปีศาจแดง"

ถือว่าเป็นภาพหายากเหมือนกันสำหรับจังหวะนี้ที่รูนี่ย์เติมขึ้นไปเปิดบอลทางด้านข้าง ก่อนที่จะแฉลบตัวบล็อกของกองหลังอาร์เซนอล วาเลนเซียตวัดยิงซ้ำแต่ติดหัวซานญ่า เหมือนตอนแรกบอลจะปลิ้นออกหลัง แต่กลับมีจังหวะสปินหมุนกลิ้งไปโดนเสาธงที่มุมก่อนจะหยุดกึกตรงนั้นเป๊ะๆเลย

นาทีที่ 71 หวังเพิ่งการมุดเลยสำหรับเวนเกอร์ที่ถอดเอาโพโดลสกี้ซึ่งหลังๆไม่ค่อยมีบทบาทออกไป แล้วส่งแชร์วินโญ่ลงสนามแทน คงจะมีเทคนิคในการลากเลี้ยงเพิ่มทางเลือกมากขึ้น

อีก 2 นาทีต่อมา แม้ว่าอนาคตกับทีมจะยังไม่แน่นอน แต่แมนฯยูไนเต็ดก็ส่งตัวอันแดร์สันลงสนามไปเล่นแทนราฟาเอลที่บอกได้เลยว่าวันนี้ฟอร์มหลุดพอสมควร ก่อนจะขยับโจนส์ไปยืนแบ็คขวาแทน

ช่วง 15 นาทีสุดท้าย ไม่มีใครยอมใครจริงๆสำหรับเกมตอนนี้ของทั้งสองฝ่าย แมนฯยูไนเต็ดบุกอยู่แล้วแต่ก็พยายามบุกเพิ่ม ส่วนอาร์เซนอลที่สะดุดไปตอนแรกก็ปรับเกมของตัวเองได้ แล้วใส่เกียร์ลุยเต็มที่ วัลค็อตต์มีโอกาสแต่ยังทำเพิ่มไม่ได้

นาทีที่ 79 ยังเป็นปัญหาต่อเนื่องของแมนฯยูไนเต็ดดังเดิมสำหรับปีกทั้งสองข้าง วาเลนเซีนอุตส่าห์ได้วิ่งหลุดขึ้นไปทางขวา พื้นที่และเวลาเปิดโล่ง แต่เขากลับจ่ายไปเสาสองให้นานี่แรงเกินไปอีก เหนื่อยใจแทนเลย

นาทีที่ 82 แมนฯยูไนเต็ดเปลี่ยนตัวเอานานี่ที่ยังคงเล่นไม่ออกเหมือนเคยออกจากสนามไป ก่อนที่จะให้กิ๊กส์ที่ประสบการณ์ล้นเหลือลงสนามแทน

อีก 4 นาทีต่อมา เกือบจะได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งสำหรับอาร์เซนอลในจังหวะที่กาซอร์ล่าขยับหาช่องได้สวย ก่อนตะบันเต็มๆนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งอ้อมเพื่อนของตัวเองที่เอี้ยวตัวหลบให้จะเสียบเสาอยู่แล้ว แต่เด เกอาบินปิดออกไปได้ทัน

ช่วงท้ายเกมกิ๊กส์ที่เพิ่งลงมาใหม่เกือบจะทำประตูจากลูกสวนกลับได้ แต่เขาก้ดันซัดไปติดแชมเบอร์เลนซะก่อน ทำให้จบ 90 นาที ทั้งสองทีมเสมอกันไปที่สกอร์ 1-1 โดยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดหมดสิทธิ์ทำสถิติแซงเชลซีที่เคยแชมป์ด้วย 95 คะแนนแล้วแน่ๆ

ด้านอาร์เซนอลนี่ต้องลุ้นหนักเหมือนกันกับตำแหน่งท็อปโฟร์ หลังจากที่เสมอในเกมนี้ทำให้พวกเขามีเพิ่มเป็น 64 คะแนนอยู่อันดับ 4 โดนเชลซีแซงหน้า แถมยังเตะมากกว่าท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ที่ตามหลังอยู่แค่ 2 คะแนนอยู่หนึงเกมด้วย

www.888scoreonline.net นำเสนอ ผลฟุตบอล อัพเดทรวดเร็วทันใจ