"เดอะ กันเนอร์ส" แม้ว่าจะเหลือตัวน้อยกว่าเกือบครึ่งชั่วโมงจากใบแดงของ "อาร์เตต้า" ผู้ทำประตูแรก แต่ "อาร์เซนอล" ก็เล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยมก่อนจะได้การจบสกอร์ของ "ชิรูด์" ช่วยปิดกล่องท้ายเกม เอาชนะ "ปราสาทเรือนแก้ว" คริสตัล พาเลซไป 2-0 แข่ง 9 นัดมีเพิ่มเป็น 22 คะแนน นำฝูงยาวไป
พรีเมียร์ ลีก
วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม 2556
คริสตัล พาเลซ 0 - 2 อาร์เซนอล
สนาม เชลเฮิร์ท ปาร์ค เปิดฉากเริ่มเกมเล่นกันมาได้แค่ 8 นาที อาร์เซนอลก็เจอกับข่าวร้ายเลย เมื่อตัวหลักในแดนกลางของพวกเขาอย่างฟลามินี่ที่อุตส่าห์คัมแบ็คกลับมาลงสนามได้ ดันมีอาการบาดเจ็บขึ้นมา เล่นต่อไม่ได้ จนต้องเปลี่ยนเอากาบรี้ลงไปเล่นแทน
นาทีที่ 13 น่าคิดเหมือนกันสำหรับจังหวะนี้ของอาร์เซนอลที่ขึ้นเกมทางด้านขวา ก่อนที่จะพยายามยัดบอลเข้ากลางเขตโทษ มีกองหลังของคริสตัล พาเลซนอนขวางอยู่แล้วเหมือนว่าบอลจะโดนมือของเขาก่อนเคลียร์ออกมาได้ แต่อาจจะไม่ชัดเจนพอผู้ตัดสินจึงไม่ให้เป็นประตู
นาทีที่ 24 อยู่ดีไม่ว่าดีหางานให้เพื่อนทำซะอย่างนั้นสำหรับแมร์เตซัคเกอร์ เพราะจังหวะการคืนหลังที่ไม่มีอะไรน่ากลัวของเขาก็กลายเป็นความอันตรายเพราะโหม่งบอลเบาเกินไปจนเกือบจะโดนผู้เล่นเจ้าบ้านฉกไปได้ ยังดีที่เซสนี่ย์วิ่งถึงบอลก่อนเลยเคลียร์ออกไปได้ทัน
แม้ว่าทีมและฟอร์มจะเป็นต่อ แต่กลายเป็นว่าเกมนี้อาร์เซนอลดูเล่นกันแบบไม่ลื่นไหล ซ้ำยังผิดพลาดบ่อยจนทำให้พาเลซมีโอกาสพาบอลขึ้นไปส่องนอกกรอบถึง 2 ครั้ง ยังดีที่มันไม่ได้หนีมือเซสนี่ย์มากนัก
นาทีที่ 38 มุมมันแคบไปหน่อยจังหวะนี้เลยโดนบีบการยิงสำหรับแรมซี่ย์ที่ได้บอลในกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะพลิกไปมาแล้วแตะจนเกือบถึงเส้นหลัง เหลือบเห็นช่องเลยรีบจัดการตลัดยิงทันที บอลพุ่งได้ใจ แต่มันตรงเข้าหัวของนายด่านเจ้าบ้านที่เซฟแบบมึนๆไป
จบ 45 นาทีแรกลงไปพร้อมกับผลเสมออยู่ 0-0 ของทั้งสองทีม แต่อาร์เซนอลมีงานต้องปรับแก้เยอะเพราะเกมไม่ดีสักเท่าไหร่ ด้านเจ้าบ้านหากหวังสร้างเซอร์ไพรส์พื้นที่สุดท้ายก็ต้องเป๊ะกว่านี้
ครึ่งหลังลงสนามมาเล่นกันมาได้แค่ 2 นาที แผนที่วางกันมาพังหมดแน่นอนสำหรับพาเลซ เมื่อพวกเขาไปทำพลาดเสียฟาวล์ในเขตโทษ ผู้ตัดสินไม่ลังเลชี้เป้าทันที ก่อนที่อาร์เซนอลจะมอบหมายให้อาร์เตต้ารับหน้าที่สังหาร แม้ว่าจะซัดไปในทิศทางเดียวกันกับที่ผู้รักษาประตูพุ่งไป แต่บอลมันคมได้ใจ เลี้ยวหนีเข้าไปเสียบตาข่ายอย่างสวยเลย อาร์เซนอลขึ้นนำ 1-0
เข้าสู่ช่วงหนึ่งชั่วโมงเต็ม ทีมจะเล็กกว่าแค่ไหนยังไงก็มีศักดิ์ศรีการเป็นเจ้าบ้านอยู่ พาเลซก็เลยต้องฮึดพยายามที่จะเอาประตูตีเสมอคืนมาให้ได้ แต่ก็เหมือนอย่างในครึ่งแรกซึ่งพื้นที่สุดท้ายของพวกเขายังทำได้ไม่ดีพอนั่นเอง
นาทีที่ 65 จุดเปลี่ยนของเกมนี้เกิดขึ้นจนได้ เมื่อพาเลซทำเกมสวนกลับยาวแล้วแนวรับอาร์เซนอลดันกันขึ้นไปหมด ชามัคห์ใช้จังหวะแตะกระชากมีแววที่จะหลุดเข้าไปควบถึงเขตโทษได้ อาร์เตต้าเลยต้องใช้การตัดทำฟาวล์ทันที ผู้ตัดสินมองว่าเป็นตัวสุดท้ายเลยเป่าเป็นลูกฟาวล์พร้อมแจกใบแดงไป อาร์เซนอลนำอยู่ก็จริงแต่เหลือแค่ 10 คนแล้ว
อีก 4 นาทีต่อมา ถูกเปลี่ยนลงมาเป็นสำรอง แต่ก็ต้องโดนถอดออกไปอีกจนได้สำหรับกาบรี้ เมื่ออาร์เซนอลจำต้องปรับแผนรองรับใบแดงของอาร์เตต้า ให้วิลเชียร์ลงไปเล่นแทนที่ของเขา
นาทีที่ 74 สุดยอดจริงๆสำหรับเซสนี่ย์นายด่านมือหนึ่งของอาร์เซนอล เมื่อเขาปฏิเสธลูกยิงไกลของวอร์ดที่อัดบอลจะเสียบใต้คานอยู่แล้วออกหลังไปได้ ก่อนจะต่อเนื่องกันไปกับการยิงสวนจากลูกเตะมุมอีกครั้ง คราวนี้นายด่านโปแลนด์บินตรงปัดงัดบอลออกไปได้อีก
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย แม้ว่าจะนำอยู่ 1-0 แต่แรงกดดันที่มีก็ไม่น้อยเหมือนกันสำหรับอาร์เซนอลที่เหลือ 10 ตัว ยังไงเรื่องพื้นที่สนามก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเพราะต้องคุมโซนกันให้อยู่ในช่วงเวลาที่เหลือนี้
นาทีที่ 87 เป็นการต่อบอลอันยอดเยี่ยมและจบด้วยประตูอันเยี่ยมยอดอีกแล้วสำหรับอาร์เซนอล เมื่อพวกเขาเล่นเกมสวนกลับขึ้นทางด้านซ้าย แรมซี่ย์ลากบอลเข้าไปในเขตโทษ ก่อนล็อกตัดรอเพื่อนแล้วบรรจงตักบอลงามๆไปเข้าหัวของชิรูด์ที่โขกเน้นแบบไม่เหลือ อาร์เซนอลหายใจโล่งคอนำ 2-0
จบ 90 นาทีแม้ว่าจะไม่เปรี้ยงมากแต่อาร์เซนอลก็รักษามาตรฐานที่พวกเขามีขณะที่เหลือ 10 คนในสนามเอาชนะคริสตัล พาเลซไปด้วยสกอร์ 2-0 ลงเล่น 9 นัดมี 22 คะแนนการันตีการอยู่บนจ่าฝูงของตารางพรีเมียร์ ลีกต่อไปอีกหนึ่งสัปดาห์แน่นอน