นักฟุตบอลอาชีพในตำแหน่งมิดฟิลด์ หรือกองกลางสมัยนี้เลือกเล่นในตำแหน่งที่ตนเองถนัดยากเหลือเกิน เพราะฟุตบอลสมัยใหม่มีความหลากหลายในการยืนตำแหน่งมากขึ้น แต่ทว่าความต้องการของผู้จัดการทีมกับความต้องการของตัวนักเตะนั้นกลับสวนทางกันเสมอ ไหนจะเรื่องของทรัพยากรนักเตะในตำแหน่งกองกลางที่มีในทีมอีก ซึ่งบางทีมก็มีผู้เล่นกองกลางแบบปีกมากเกินไป บางทีมก็มีผู้เล่นกองกลางประเภทมิดฟิลด์ตัวรุกมากเกินไป นั่นจึงทำให้นักเตะกองกลางบางคนต้องจำยอมลงไปในสนามแล้วเล่นในตำแหน่งที่ต้องไม่ต้องการ หรือไม่ถนัด
เช่น เป็นกองกลางที่ถนัดการเล่นเป็นเพลย์เมกเกอร์ หรือการเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก แต่ทว่าทีมต้นสังกัดตัวเองมีนักเตะที่เล่นตำแหน่งปีกน้อยเกินไปนักเตะรายนั้นก็เลยต้องลงไปเล่นในตำแหน่งปีกอยู่บ่อยครั้ง ก็เหมือนกับในรายของชินจิ คางาวะ ของทีมแมนฯยูไนเต็ดเวลานี้ที่โดยธรรมชาติแล้วเจ้าตัวเป็นนักเตะกองกล่างประเภทกลางตัวรุก เพลย์เมกเกอร์ อะไรประมาณนั้น แต่เมื่อเขาอยู่ภายใต้การทำทีมของเดวิด มอยส์ บ่อยครั้งเขาต้องลงสนามในฐานะผู้เล่นตำแหน่งปีก ก็ไม่รู้เป็นเพราะว่าเดวิด มอยส์นั้นต้องการให้เจ้าตัวเล่นตำแหน่งนี้ หรือว่าแมนฯยูไนเต็ดมีผู้เล่นตำแหน่งปีกน้อยเกินไป หรือมีผู้เล่นที่เล่นกลางรุกอยู่เยอะไป อันนี้ก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเหตุผลไหนเหตุผลหลัก แต่ที่แน่ๆคือในเกมยุโรปที่แมนฯยูไนเต็ดเจอกับทีมรีล โซเซียดัดนั้น
แฟนบอลอย่างเราๆได้เห็นคางาวะในสองบทบาทเลยทั้งบทบาทปีก และเพลย์เมกเกอร์ แล้วหลังจบเกมเจ้าตัวก็ออกมาพูดความต้องการของเจ้าตัวให้ทุกคนได้รับทราบเองว่าเจ้าตัวนั้นชอบที่จะเล่นเป็นเพลย์เมเกอร์มากกว่าที่จะเล่นเป็นปีก การเล่นเพลย์เป็นเพลย์เมกเกอร์ทำให้ตนนั้นเล่นได้ง่ายกว่าเยอะ เดวิด มอยส์ได้ทราบดังนี้แล้วก็ไม่รู้ว่าเกมต่อไปจะจัดเจ้าตัวลงเล่นแต่ในตำแหน่งเพลย์เมเกอร์ตามที่เจ้าตัวต้องการ หรือว่าจะดร็อปเป็นตัวสำรองไปยาวๆโทษฐานที่สร้างความลำบากใจให้เขาในการจัดตัวผู้เล่น