แมนฯ ซิตี้ - ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก อังกฤษ)
วันที่ : 26 ธันวาคม 2556
เวลา : 00:30 น.
ถ่ายทอดสด : CTH สเตเดี้ยม 1
เปรียบเทียบความพร้อมของทีม แมนฯ ซิตี้ : เจ้าบ้าน "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของกุนซือชาวชิลี "มานูเอล เปเยกรีนี่" กำลังท็อปฟอร์ม แค่สองนัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก รัวถึง 10 ลูก โดยล่าสุดบุกไปจัดหนัก ฟูแล่ม 4-2
แมนฯ ซิตี้ หวังจะกำราบ ลิเวอร์พูล ให้ได้เพื่อขยับนำ โดย เปเยกรีนี่ พร้อมขนทัพใหญ่ลงสนาม นำโดย โจ ฮาร์ท ผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษ ที่จะได้เฝ้าเสาต่อ หลังเพิ่งลงเล่นเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองเดือนเมื่อวันเสาร์
ขณะที่ กาแอล กลิชี่ แบ็กทีมชาติฝรั่งเศสที่ปกติเล่นฝั่งซ้าย ส่อแววต้องทำหน้าที่แบ็กขวาจำเป็นต่ออีกนัด เนื่องจาก ปาโบล ซาบาเลต้า กับ ไมกาห์ ริชาร์ดส์ (เอ็นหลังหัวเข่า) ต่างยังเดี้ยง หรือไม่กุนซือชาวชิลี ก็อาจหันไปใช้งานดาวรุ่ง เดดรีค โบยาต้า หรือไม่ก็เป็นตัวสารพัดประโยชน์อย่าง เจมส์ มิลเนอร์
ดาวซัลโวประจำทีม เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" มีอาการเจ็บบริเวณน่อง ทำให้ยังชวดเช่นเดียวกับกองหลัง มาติย่า นาสตาซิช (น่อง) ขณะที่กองหน้า สเตฟาน โยเวติช ที่ป่วยจนไม่มีชื่อในเกมซด เจ้าสัวน้อย ส่อแวววืดอีก
เปเยกรีนี่ อาจปรับหมากจากชุดยำ ฟูแล่ม บางจุด โดยเฉพาะแนวรุกที่อาจดร็อป เอดิน เชโก้ แล้วส่งตัวจี๊ดอย่าง เฆซุส นาบาส เป็นตัวจริง เพื่อใช้ความเร็วป่วนแนวรับทีมเยือนร่วมกับ ดาบิด ซิลบา กับ ซามีร์ นาสรี่ โดยมี อัลบาโร่ เนเกรโด้ เป็นหอกเป้า ขณะที่ ยาย่า ตูเร่ จะคุมห้องเครื่องร่วมกับ แฟร์นันดินโญ่ เช่นเดิม
ลิเวอร์พูล : ฝั่งทานด้านของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ของกุนซือตาหวาน "เบรนแดน ร็อดเจอร์ส" ขอไม่แพ้เป็นอย่างน้อย เพื่อรักษาบัลลังก์จ่าฝูงพรีเมียร์ลีกเอาไว้ให้ได้ต่อไป หลังจากที่นำในวันเสาร์ได้เป็นครั้งแรกในรอบห้าปี
กระนั้น ร็อดเจอร์ส ยังต้องรอเช็กความฟิต จอน ฟลานาแกน แบ็กซ้ายวัยรุ่นเด็กปั้นสโมสร ที่มีอาการเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าเล็กน้อยจากเกมชนะ คาร์ดิฟฟ์ 3-1 เมื่อวันเสาร์ เพื่อดูว่าพร้อมเป็นตัวจริงหรือไม่
ขณะที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กองกลางกัปตันทีมอาการดีขึ้น หลังจากที่มีอาการเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า แต่ ร็อดเจอร์ส ยืนยันจะไม่เร่งให้เจ้าตัวคืนสนาม ขณะเดียวกัน กุนซือหนุ่ม มีแผนดันดาวรุ่งจากทีมเยาวชนขึ้นมาเป็นตัวเลือกพร้อมซึมซับประสบการณ์ด้วย หลังในทีมมีนักเตะที่ฟิตปั๋งแค่ 17 คน โดยกองหน้า แดเนียล สเตอร์ริดจ์ (ข้อเท้า) และแบ็กซ้าย โฆเซ่ เอ็นริเก้ (หัวเข่า) ยังต้องพักถึงปีใหม่
เชื่อกันว่า บีร็อด จะยึดทีมชุดเดิมๆ ที่คว้าชัยเหนือทั้ง สเปอร์ส และ คาร์ดิฟฟ์ ต่อไปในการเยือน เอติฮัด สเตเดี้ยม ภายใต้ระบบ 4-2-3-1 โดยแดนกลางยามไร้ เจอร์ราร์ด จะยังเป็นหน้าที่ของ โจ อัลเลน, ลูคัส เลวา และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ต่อไป
ส่วนแนวรุก หลุยส์ ซัวเรซ ที่กำลังร้อนแรงสุดๆ จนได้ชื่อว่าเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ยิงถึง 10 ลูกในเดือนเดียว จะสวมปลอกแขนกัปตันทีมผนึกกำลังกับ ราฮีม สเตอร์ลิง และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ขณะที่แนวรับ โคโล ตูเร่ เด็กเก่า เรือใบสีฟ้า ยังต้องนั่งดู มามาดู ซาโก้ จับคู่เป็นปราการหลังตัวกลางกับ มาร์ติน สเคอร์เทล ต่อไป
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แมนฯ ซิตี้ : (4-2-3-1) : โจ ฮาร์ท - กาแอล กลิชี่, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, มาร์ติน เดมิเคลิส, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ - แฟร์นันดินโญ่, ยาย่า ตูเร่ - เฆซุส นาบาส, ดาบิด ซิลบา, ซามีร์ นาสรี่ - อัลบาโร่ เนเกรโด้
ลิเวอร์พูล : (4-3-3) : ซิมง มิโญเล่ต์ - เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, มามาดู ซาโก้, จอน ฟลานาแกน - โจ อัลเลน, ลูคัส เลวา, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน - ราฮีม สเตอร์ลิง, หลุยส์ ซัวเรซ, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่
วิจารณ์เกมการแข่งขัน
เกมนี้ดูแล้วต้องฟานกันสนั่นทุ่งแน่นอน เมื่อทั้งสองทีมได้ชื่อว่าเป็นทีมจอมยิงในพรีเมียร์ลีก โดยเจ้าบ้าน "เรือใบสีฟ้า" หวดไป 51 ส่วน "หงส์แดง" 42 หากดูทางฟอร์มการเล่นในบ้านต้องยกให้ "ซิตี้" ที่คว้าชัยเรียบวุธทั้ง 8 เกม ตรงกันข้ามกับฝั่งของ "หงส์แดง" เล่นนอกรังยังไม่น่าไว้ใจ ทำแต้มหล่นถึง 5 เกมจาก 8 นัด แม้จะมีตัวทีเด็ดอย่าง "หลุยส์ ซัวเรซ" ที่ซัด 19 ลูกจาก 12 นัดในซีซั่นนี้ แต่หากถูกจับตาย ก็น่าห่วงว่าทั้งทีมจะทำอย่างไร ผิดกับทีมเจ้าบ้านที่มีทีเด็ดทุกพื้นที่ทั้งแดนกลาง และแนวรุกที่เข้าทำได้หลากหลาย แถมเล่นด้วยความมั่นใจต่อหน้าสาวกตัวเอง ท้ายที่สุดแล้ว เหล่าบรรดาลูกทีมของ "เปเยกรีนี่" คงขโยกเข้าวินคว้าชัยได้ในที่สุดสมราคาเต็งหนึ่งแชมป์ปีนี้
