"สิงห์ไฮโซ" เชลซี ของกุนซือจอมอหังการ "โจเซ่ มูรินโญ่" ทำผลงานได้สุดติ่งกระดิ่งแมวหลังจากที่กลายเป็นผู้ล้างคำสาปหยุดสถิติชนะรวดในบ้าน 11 นัดของ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากประตูโทนของฮีโร่ในเกมนี้อย่าง "บรานิสลาฟ อิวาโนวิช" ในครึ่งแรกส่งผลทำให้ตามหลังจ่าฝูง "เดอะ กันเนอร์ส" เหลือ 2 แต้มและทาบ 53 แต้มเท่า "ซิตี้" ไปเรียบร้อยแล้ว
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันจันทร์ที่ 3 มกราคม 2557
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-1 เชลซี
สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม เปิดฉากเริ่มเกมช่วงแรกเล่นกันผ่านมา 7 นาทีเจ้าบ้าน "เรือใบสีฟ้า" เกือบพลาดมหันต์เมื่อนาสตาซิชวิ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปชนกับกอมปานีที่พยายามมาสกัดบอลทำให้บอลกระฉอกไปถึงวิลเลี่ยนในกรอบเขตโทษด้านขวาแล้วดาวเตะบราซิเลี่่ยนพยายามจะเปิดเข้ากลางให้อาซาร์แต่กอมปานียังลุกขึ้นมาเร็วสกัดเอาไว้ได้ทันพร้อมบ่นนาสตาซิชยิกๆ
"เรือใบสีฟ้า" ทำเกมขึ้นมาได้สวยเลยโดยเป็นซิลบาที่แทงบอลทะลุไปให้เนเกรโด้ตวัดต่อเร็วไปให้โคลารอฟที่เติมขึ้นมาพอดีหลุดไปตรงริมเส้นด้านซ้ายก่อนครอสบอลเข้ากลางอย่างสวยทว่าแรงไปหน่อยทำให้ยาย่าพุ่งเข้าชาร์จไม่ทัน
นาทีที่ 15 ซิตี้เกือบได้เฮเลยโดยเป็นจังหวะที่นาบาสลากบอลไปมาตรงริมเส้นด้านขวาก่อนจะจ่ายย้อนหลังเลยซิลบาที่วิ่งทะลุมาไปหน่อยแต่ยังดีมียาย่าวิ่งมาสับไกเปรี้ยงเดียวจากนอกกรอบเขตโทษบอลพุ่งเหินข้ามคานนิดเดียวเท่านั้น
หลังจากนั้นนิดเดียว"เรือใบสีฟ้า"เดินเกมบุกได้สวยอีกครั้งเมื่อนาบาสจ่ายบอลยัดเข้าเท้าของยาย่าก่อนลากบอลหนีมาติชไปจนสุดเส้นหลังในกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วตบเข้ากลางให้ซิลบาวิ่งเข้ามายิงตามสูตรแต่ดาวเตะสแปนิชปาดบางไปนิดทำให้บอลเลยเสาสองออกไป
เกมด้านขวาของซิตี้จิ๊ดจ๊าดดีเหลือเกินและคราวนี้พวกเขาก็มาได้ยิงอีกครั้งเมื่อนาบาสลากบอลขึ้นมาแล้วเปิดให้เชโก้แตะก่อนหนึ่งจังหวะแล้วล็อคกลับมาก่อนตัดสินใจยิงเองด้วยซ้ายทว่าบอลมันไม่เลี้ยวเข้าทางเสาซ้ายมือที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้
"สิงห์ไฮโซ"ได้โอกาสทองเลยเมื่อวิลเลี่ยนลากบอลบุกขึ้นมาในจังหวะโต้กลับพร้อมกับเพื่อนอีก 3 รายก่อนตัดสินใจตบไปทางด้านซ้ายที่มีรามิเรสวิ่งเข้ามาหวดบอลเต็มดอกทว่าต้องชมฮาร์ทที่ออกมาปิดมุมไว้แล้วปัดทิ้งแต่บอลยังไม่พ้นอันตรายไปเข้าทางของวิลเลี่ยนที่พยายามจักรยานอากาศแต่ก็ไร้ทิศทางออกหลังไปไกล
และในนาทีที่ 32 เชลซีมาได้ประตูขึ้นนำจนได้เมื่ออาซาร์ลากบอลจากริมเส้นด้านซ้ายไปให้รามิเรสผ่านบอลไปถึงอาซาร์อีกครั้งก่อนไหลมาให้รามิเรสยิงจังหวะแรกติดบล็อคของกอมปานีทว่าดวงคนจะเสียประตูบอลกระเด้งไปเข้าทางของอิวาโนวิชที่เติมขึ้นมาพอดียิงด้วยเท้าซ้ายเสียบเสาสองอย่างสวยงาม
ช่วงนี้"เรือใบสีฟ้า"ปั่นป่วนไปเหมือนกันและเกือบจะเสียประตูอีกครั้งเป็นจังหวะที่เอโต้ได้ยิงในกรอบเขตโทษด้านขวาแต่โดนบล็อคแล้วซาบาเลต้าสกัดไม่พ้นไปเข้าทางตีนของอาซาร์ยิงยัดเข้าไปอีกครั้งแต่ฮาร์ทไม่พลาดเซฟเอาไว้ได้ในจังหวะนี้
เกมผ่านมาถึงนาทีที่ 40 "เรือใบสีฟ้า"ยังพยายามเดินหน้าบุกต่อไปและมาได้โอกาสสวยๆอีกครั้งเป็นเชโก้ที่พักบอลด้วยอกอยู่หน้าปากเขตโทษแล้วก้มหน้าหวดด้วยขวาเต็มๆ บอลพุ่งผ่านรามิเรสและลุยซ์ที่เข้ามาบล็อคไปแล้วแต่เหินข้ามคานนิดเดียว
ทีมเยือนเกือบได้ประตูอีกแล้วเป็นลุยซ์ที่เปิดออกซ้ายให้อาซาร์ลากบอลหนีซาบาเลต้าเหมือนไม่มีตัวตนก่อนปาดเข้ากลางบอลเลยไปทางเสาสองที่มีเอโต้วิ่งมาแปยัดแบบแรงๆก่อนที่บอลจะชนเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย
กลับลงสนามมาเจอกันในช่วงครึ่งหลังแนวรับของ "เรือใบสีฟ้า" ออกอาการเหวอเลยทำให้เชลซีเกือบได้ประตูเพิ่มโดยพวกเขาสกัดบอลไม่ขาดไปเข้าทางของนักเตะเชลซีก่อนที่วิเลี่ยนจะวิ่งเข้ามายิงในกรอบเขตโทษเป็นคนสุดท้ายแต่ก็ยังดีที่ซาบาเลต้ารวบรวมสติพุ่งเข้าบล็อคบอลออกหลังไปนิดเดียวเท่านั้น
นาทีที่ 51 นาบาสลากบอลหนีอัซปิลิกวยต้าในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนเปิดเข้ากลางให้เชโก้ป้ายคืนกลับไปให้ยาย่าอัดด้วยขวาทันทีบอลพุ่งแรงผ่านหน้าประตูแล้วเฉี่ยวเสาสองออกไปแบบได้ลุ้นกันทั้งสนาม
หลังจากนั้นไม่นานเกมเปิดแลกกันแล้วและเป็นทางฝั่งของ"สิงห์ไฮโซ"มีโอกาสบ้างเป็นมาติชที่รับบอลได้ตรงกลางสนามก่อนตั้งป้อมหวดด้วยเท้าซ้ายบอลพุ่งแรงอย่างสวยไปชนสามเหลี่ยมด้านขวามืออย่างจังชนิดที่ฮาร์ทพุ่งยังไงก็ไม่ถึงแล้ว
เกมผ่านมาครบชั่วโมงแล้ว"เรือใบสีฟ้า"ดูแล้วยังไม่ค่อยมีโอกาสเน้นๆที่จะนำไปสู่ประตูเลยตรงกันข้ามกับเชลซีที่บุกสวนกลับมาแต่ละครั้งได้เสียวเหลือเกินโดยเฉพาะอาซาร์ที่วันนี้โชว์ฟอร์มเป็นพระเอกฉีกกองหลังเจ้าถิ่นอย่างสนุกสนาน
นาทีที่ 66 เชลซีพลาดได้ประตูอีกแล้วเมื่อวิลเลี่ยนเตะมุมมาจากทางด้านขวาให้เคฮิลล์โถมตัวขึ้นโขกเต็มหัวกลางประตูแต่โชคร้ายที่บอลไปโดนเสาขวามืออย่างจังนับเป็นการชนเสา-คานครั้งที่ 3 ในเกมนี้
เกมผ่าน 70 นาทีไปแล้ว"เรือใบสีฟ้า"มาได้โอกาสงามเลยเมื่อวิลเลี่ยนไปเสียท่าทำฟาวล์ยาย่าหน้าปากเขตโทษและคราวนี้เป็นซิลบาที่วิ่งเข้ามาปั่นด้วยซ้ายบอลข้ามกำแพงจะมุดเข้าสามเหลี่ยมอยู่แล้วแต่เช็คไม่หลับบินไปปัดบอลทิ้งออกหลังได้อย่างเยี่ยมยอด
ช่วงนี้เจ้าถิ่นเดินหน้าบุกหนักเหลือเกินและโยเวติชโชว์ลีลาลากบอลก่อนป้ายไปให้เชโก้และต่อให้โคลารอฟที่ริมเส้นด้านซ้ายได้เปิดโล่งๆเข้ากลางมีซิลบาวิ่งเข้ามาสไลด์ตัวยิงแต่โดนกองหลังเข้ามาบีบทำให้ไม่ตรงกรอบ
แมนฯ ซิตี้ได้จังหวะลุ้นอีกครั้งจากลูกเตะมุมที่บอลเลยไปถึงนาบาสนอกกรอบเขตโทษพยายามยิงยัดเข้าไปติดยาย่าก่อนที่จะไปเข้าทางนาบาสอีกรอบคราวนี้เลือกเปิดเข้าไปตรงกลางมีเคฮิลล์ที่โขกสกัดทิ้งออกมาทำให้เชลซีรอดพ้นอันตรายไปได้
นาทีที่ 87 นาสตาซิชรอดพ้นจากการโดนอันเชิญออกจากสนามไปแบบดวงดีมากๆเมื่อเขาเป็นตัวสุดท้ายขึ้นโขกแย่งบอลกับออสการ์กลางสนามแต่ไม่ถึงทำให้ต้องหันมาเหี่ยวไหล่ของดาวเตะบราซิลล้มกลิ้งไปทว่าสุดท้ายไมค์ ดีนกรรมการแจกแค่ใบเหลืองเท่านั้น
ช่วงทดเวลาเจ็บนาทีสุดท้ายโยเวติชได้ปั่นบอลโค้งเกือบเข้าแล้วแต่เช็คยังปัดไว้ได้สุดท้ายก็ไม่รอดโดยเชลซีกลายเป็นทีมแรกในฤดูกาลนี้ที่หยุดสถิติชนะรวดในเอติฮัด สเตเดี้ยมของ"เรือใบสีฟ้า"พร้อมขยับคะแนนเป็น 53 แต้มเท่ากันตามหลังอาร์เซน่อลจ่าฝูง 2 คะแนน
