1 - 3 ต้องบอกว่าผันตัวเองไปเป็นทีมลุ้นหนีตกชั้นเต็มตัวซะแล้ว สำหรับทีมแชมป์เก่า สิงห์บลู
เชลซี ของยอดกุนซือ
โจเซ่ มูริญโญ่ เมื่อเกมล่าสุด ซึ่งถือเป็นเกมใหญ่ และสำคัญมากๆของพวกเขากลับเป็นว่าพ่ายแพ้ให้กับคู่แข่งไปแบบเละเทะเลย
ทั้งนี้เกมบิ๊กแมทประจำสัปดาห์ที่ 11 ของ
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นการพบกันระหว่างเชลซี แชมป์เก่า กับลิเวอร์พูลของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ โดยเกมนี้เล่นกันที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ บ้านของเชลซี
ก่อนเกมหลายคนมองว่านี่จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของซีซั่นหากว่าลูกทีมของ มูริญโญ่ กำชัยชนะได้ กล่าวคือจากที่ฟอร์มบู่มานับตั้งแต่เปิดซีซั่นนี้จะกลายเป็นช่วยเรียกศรัทธาจากแฟนบอล และเรียกความมั่นใจจากนักเตะจนกลับมาอยู่กับร่องกับรอยได้สักที
และจะว่าไปเกมนี้พวกเขาก็เริ่มต้นได้ดี อย่างที่หลายคนหวังซะด้วยเมื่อเป็นฝ่ายออกนำทีเยือนไปก่อนอย่างรวดเร็ว จากความผิดพลาดของทีมเยือนที่เสียบอลโดย
เจมส์ มิลเนอร์ ผู้เล่นทางฝั่งขวา ทำให้ทางด้าน
เซซาร์ อัสปลิกวยต้า ได้โอกาสพาบอลขึ้นไปเปิดให้กับ
รามิเรส ที่ได้อานิสงค์จากความผิดพลาดในการไม่ทันมองดูตัวที่ต้องประกบของ
อัลแบร์โต้ โมเรโน่ อีกหนึ่งผู้เล่นของหงส์แดงจนโขกเข้าไปได้อย่างง่ายดาย ในนาทีที่ 4
ทว่าช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายของครึ่งเวลาแรก
ฟิลิปเป้ คูติญโญ่ เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งของทีมเยือน มาตามตีเสมอให้เป็น 1-1 ก่อนที่ครึ่งเวลาหลัง นาทีที่ 74 จะเป็นคูตี้คนเดิมที่มาดับความหวังแฟนบอลเจ้าถิ่นด้วยการยิงประตูแซงนำให้กับทีมเยือนเป็น 2-1 ต่อด้วยนาทีที่ 83 คริสเตยอง เบนเทเก้ กองหน้าสำรองที่ถูกส่งลงมาแทน
มิลเนอร์ จะบวกสกอร์ฝังให้ทีมเยือนเอาชนะไปได้ 3-1
สำหรับเกมนี้หงส์แดงของ
เจอร์เก้น คล็อปป์ ออกสตาร์ท 11 ผู้เล่นตัวจริงด้วยการไม่มีกองหน้าอาชีพอยู่ในสนามเลย โดยใช้วิธีดัน
เฟอร์มิโน่ ไปยืนเป็นกองหน้า และขยับ
คูติญโญ่ เข้ามาเป็นตัวทำเกมร่วมกับ
อดัม ลัลลาน่า แทน เนื่องจาก
คริสเตยอง เบนเทเก้ มีสภาพร่างกายที่ไม่ฟิตเต็มร้อย ขณะที่
ดีว็อค โอริกี้ ที่ได้โอกาสก่อนหน้านี้ก็ทำผลงานได้ไม่ดี